คณะกรรมการบริหารกลุ่ม เอไอเอ เปิดงบไตรมาสแรก สะดุดพิษโควิด-19 Omicron  กระทบมูลค่าธุรกิจใหม่ทั่วเอเชีย ร่วง 18% เบี้ยปีแรกหด 7% อัตรากำไรลดลง ขณะที่เบี้ยรับรวมยังโต 5% ผู้บริหารมั่นใจยังสร้างการเติบโตในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทั้งหมด

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า  การดำเนินธุรกิจของเอไอเอที่ได้มีการจัดพอร์ตการดำเนินงานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายจากธุรกิจใหม่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2565 โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 853 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 18  ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 7 อยู่ที่ 1,567 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลง 7.6 จุดอยู่ที่ร้อยละ 54.4 ด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อยู่ที่ 9,948 ล้านเหรียญสหรัฐ (ดูตารางด้านล่าง)

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เอไอเอมีการลงทุนที่สำคัญในเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ ทำให้การดำเนินธุรกิจสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ความซับซ้อนและอ่อนไหว และช่วยให้สามารถลดผลกระทบต่อยอดขายจากสถานการณ์โรคระบาดแต่ละระลอกที่ต่อเนื่องกันมา อีกทั้งการสนับสนุนโดยเครื่องมือทางดิจิทัล รวมถึงความสามารถในการทำงานทางไกล ทำให้ธุรกิจของเอไอเอ นอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง สามารถส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ได้ถึงร้อยละ 50 สูงกว่ายอดที่ได้เคยทำได้ในช่วงของการระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกแรก ระหว่างไตรมาสที่ 2 ของปี 2563

“ผมเชื่อมั่นว่าการที่เรายังคงมุ่งมั่นบนกลยุทธ์ของเราอย่างไม่หยุดนิ่งจะสนับสนุนให้เราสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ดั่งความตั้งใจของเราที่ต้องการช่วยผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าว

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน