กรุงไทยพานิชประกันภัย ตั้งเป้าปี 67 เบี้ยรวมเท่าปี 66 ที่ระดับ 5.3 พันล้าน  ชูแผนรีแบรนด์องค์กร  รุกตลาดคนรุ่นใหม่ เล็งปล่อยแอปฯให้บริการทางออนไลน์ เพิ่มช่องทางเข้าถึงง่าย รวดเร็ว ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมรับมือพอร์ตรถหดหลังพันธมิตร 'รู้ใจโบรกเกอร์' ถอย 

นางสาวสุชาวดี แสงอนัสต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัยจำกัด (มหาชน)  หรือ KPI  เปิดเผยถึง ทิศทางและแผนงานขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ว่า ปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมทรงตัวกับปี 2566 ที่มีเบี้ยรับรวม5.3 พันล้านบาท  ซึ่งเป็นเบี้ยของพอร์ตรถยนต์ (Motor) สัดส่วน 40% และพอร์ตที่ไม่ใช่รถบนต์  ( Non Motor) สัดส่วน  60% สำหรับแผนงานของบริษัท  ในปีนี้จะโฟกัสการปรับภาพลักษณ์องค์กร และรีแบรนด์ดิ้ง โลโก้ ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และวางแผนขยายตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้สามารถครอบคลุมลูกค้าได้ครบทุกวัย (Generation)  ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจในระยะยาว  และตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่นขึ้นมาให้บริการลูกค้า โดยได้มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาระบบบริการทางออนไลน์ให้สามารถตอบโจทย์แก่ลูกค้าได้เร็ว  

สำหรับผลิตภัณฑ์จะเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อย   อย่างประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุประกันที่เกี่ยวกับภาคครัวเรือน ประกันโรงงาน  ส่วนช่องทางการขาย ที่ผ่านมา จะเป็นธนาคารกรุงไทย มีสัดส่วนลูกค้า 25% และที่เหลือ 75% เป็นพันธมิตรและเอเจนซีโดยที่ผ่านมา บริษัทมี exclusive partner คือ รู้ใจ โบรกเหอร์ ซึ่งปัจจุบันรู้ใจฯมีธุรกิจประกันภัยของตนเอง จึงทำให้พอร์ตรถของบริษัทได้รับผลกระทบประมาณ 900-1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทก็ได้มีแผนรองรับไว้แล้ว

"แผนธุรกิจปีนี้ เริ่มต้นจากการ  refresh และ rebrand โลโก้บริษัท เพื่อสลัดภาพเป็นบริษัทเก่าแก่ เพื่อให้มีความทันสมัย เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าบริษัทของเราเข้าถึงได้ง่าย  เรา rebrand จากโลโก้ทรงเหลี่ยมให้เป็นวงกลม เพื่อให้ดู modern  ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไป ส่วนการพัฒนารูปลักษณ์องค์กรจะทำอย่างเต็มรูปแบบ full scale เพื่อบุกตลาดอย่างแท้จริง   เราพบว่าการที่จะให้บริการลูกค้าสมัยใหม่ได้ จะต้องมีความสะดวก รวดเร็ว ปีนี้เราจะเน้นอยู่ 2 เรื่อง คือ คุณภาพคน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญให้องค์กรมีงริการที่ดี และเติบโตได้อย่างยั่งยืน  และเน้นลงทุนเทคโนโลยี ซึ่งสมัยนี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากเหมือนเมื่อก่อน และยังทำ tracking ได้ด้วย  แผนงานต่างๆจะต้องใช้เวลา 3-4 ปี จึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม เราวางเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน" นางสาวสุชาวดีกล่าว

สำหรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือชิ้นส่วนอะไหล่รถไฟฟ้า บริษัทมีให้บริการแต่ไม่เน้นเนื่องจากมีปัญหาการนำเข้าอะไหล่ฯ  ทำให้ต้องใช้เวลาซ่อมนาน เป็นปัญหาที่ภาคธุรกิจประกันกำลังหารือกับ คปภ.