นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด มหาชน กล่าวว่า กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงิน กับ 3 องค์กรพันธมิตรหลัก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ บริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความมั่นคงทั้งทางด้านการเงินและสุขภาพ โดยความร่วมมือแรกดำเนินการผ่านโครงการ Grand Open House Bangkok Life Smart Leader ในการพัฒนาบุคลากรคนรุ่นใหม่ในเส้นทางอาชีพตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน เนื่องจากการวางแผนชีวิตและการวางแผนทางการเงินให้เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการมีชีวิตที่มั่นคง ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยในการสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินและด้านสุขภาพ
ปัจจุบันธุรกิจประกันชีวิตมีการพัฒนาทั้งในด้านของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ นอกจากทำหน้าที่ปกป้องความเสี่ยงด้านต่างๆ แล้ว ยังช่วยในการสะสมความมั่งคั่งได้อีกด้วย นอกจากนี้บุคคลากรในธุรกิจประกันชีวิตก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและความซับซ้อนของแบบประกันที่มีทางเลือกมากมาย กรุงเทพประกันชีวิต จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันชิวิต โดยความร่วมมือดังกล่าว ประกอบด้วย แผนการสนับสนุนความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงด้วยประกันชีวิต โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การให้การสนับสนุนด้านความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์และความสำคัญของประกันสุขภาพจาก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ การให้ความรู้และประสบการณ์การทำงานแบบตัวแทนมืออาชีพ โดยบริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวร์รันส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น
“ความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการในด้านต่างๆ มาร่วมสนับสนุนในการยกระดับธุรกิจประกันชีวิต ทั้งในด้านการสร้างพัฒนาบุคคลากรในธุรกิจประกันชีวิต ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบความต้องการของคนรุ่นใหม่ๆเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น โดยในส่วนของกรุงเทพประกันชีวิตเราจะให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงิน และหลักสูตรการอบรมอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่สามารถพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสายอาชีพตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และช่วยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน จะช่วยให้ธุรกิจประกันชีวิตสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความมั่นคงทั้งทางด้านการเงินและด้านสุขภาพ”
ด้าน รศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายที่จะพัฒนานิสิตนักศึกษา ผู้ประกอบการไทย เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของตนเองเข้าสู่มาตรฐานระดับโลก ซึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจและการบริหารความเสี่ยง เห็นความสำคัญในการสร้างความตระหนักของการประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ซี่งเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่สำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินและสุขภาพของคนไทย”
โดย น.ท. นพ. สราวุฒิ เนียมลอย Head of Insurance & Medical Assistance โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บำรุงราษฎร์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพัฒนาและส่งเสริมสุขภาพของคนไทยมาโดยตลอด รวมถึงการมุ่งยกระดับด้านบริการสุขภาพของโรงพยาบาลฯ ให้เป็นจุดหมายแห่งการดุแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือที่สุดในหลายกรณีที่การเลือกแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับอาการของแต่ละบุคคลนั้น อาจต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มเติมหรือมีภาระด้านรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือโรคที่มีความซับซ้อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบกับแผนการเงินที่จัดเตรียม โดยเฉพาะแผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุ ความร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่บำรุงราษฎร์จะได้นำศักยภาพในด้านการรักษาพยาบาลในระดับคุณภาพมาตรฐานสากล ช่วยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องตลอดจนประชาชนได้ทราบและตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพตลอดจนแนวทางในการดูแลรักษาพยาบาลอีกด้วย”
สำหรับทางด้านบริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด ได้ให้ความร่วมมือในโครงการ Grand Open House Bangkok Life Smart Leader โดยการนำประสบการณ์ในการพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตได้รับการยอมรับและถูกนำมาใช้ในการสร้างความมั่นคงของชีวิต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสร้างมุมมองและเห็นโอกาสในการเป็นตัวแทนฯ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีคุณค่าทั้งต่อตัวเองและสังคมโดยรวมด้วย”
ทั้งนี้ คาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความมั่นคงทั้งทางด้านการเงินและสุขภาพ สร้างอาชีพที่มีคุณค่าพัฒนาศักยภาพบุคลากรได้อย่างไม่มีขีดจำกัดและยังมีโอกาสต่อยอดเป็นเจ้าของธุรกิจ สร้างประโยชน์ให้สังคมเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป