บมจ.ที คิว อาร์ เปิดเกมรุก! ลุยพัฒนาโปรดักส์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ เจาะกลุ่มท่องเที่ยว-ที่อยู่อาศัย-สุขภาพ รับเมกะเทรนด์ หลัง Synergy ธุรกิจร่วมกับ TQM โบรกเกอร์ประกันยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย พร้อมบุกตลาดประกันภัยต่อ Cyber-ESG-EV วางเป้ารายได้ปี 66 โต 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 เติบโตที่ 10% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากความต้องการของผู้บริโภคในการทำประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก หลังเปิดประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทฯ ร่วมกับบริษัทประกัน คิดค้น พัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า และคู่ค้ามากที่สุด
“ปีนี้ TQR มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของการประกันภัยต่อ ทั้งการประกันภัยไซเบอร์ ที่ปัจจุบันหลายองค์กรให้ความสนใจในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA มากขึ้น การประกันที่เกี่ยวข้องกับกระแสของ Environmental, Social and Governance : ESG การประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ รวมถึง คาร์บอนเครดิต ที่ทุกภาคส่วนให้ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น รวมทั้งการประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ตลาดมีความต้องการมากขึ้น สอดรับเมกะเทรนด์ และด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ การประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่ง TQR อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการเป็นนายหน้าประกันภัยต่อสำหรับประกันชีวิต” นายชนะพันธุ์กล่าว
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ Synergy กับบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM โบรกเกอร์ประกันยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ได้ดำเนินการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับ การท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัยและสุขภาพ เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจให้บริการ ของ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 3 ราย และในปีนี้ตั้งเป้าหมายการมีลูกค้าเพิ่มอีก 2-3 ราย
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเข้าศึกษาธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เพื่อเข้าลงทุนในรูปแบบการทำ M&A กับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 ราย ภายในครึ่งปีแรกของปี 66 จึงมั่นใจว่า ผลงานในปีนี้จะเข้าสู่หมวดการเติบโตรอบใหม่ ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 98.27 ล้านบาท เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 243.50 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.39 บาท รวมเป็นเงินปันผล 89.70 ล้านบาท โดยบริษัทฯจ่ายระหว่างกาลแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายจากกำไรสุทธิ ประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 19 พฤษภาคม 2566