ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กางแผนธุรกิจปีมังกร 2567 ปักธงเบี้ยรับรวมโตทะลุ 8,000 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาองค์กรประกันภัยเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แบบ Personalized ล่าสุดส่ง “ประกันรถเปิดปิด” แผนใหม่รองรับกระแสรถยนต์ EV ชูจุดแข็ง “ความคุ้มค่า” “คุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง” ช่วยประหยัดสูงสุดถึง 60% ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 รถยนต์ EV เริ่มต้นเพียง 6,600 บาท
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน Insurtech ของไทย เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปีมังกร 2567 ว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมด้านบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่ม Motor และ Non-Motor ตอบโจทย์ความต้องการและรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างลงตัว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคและภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้ยุทธศาสตร์“องค์กรประกันภัยแห่งนวัตกรรม” ให้คนไทยมีความมั่นคงทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าผลักดันเบี้ยรับรวมเติบโตทะลุ 8,000 ล้านบาท
โดยกลุ่ม Motor เตรียมยกระดับการบริการ เน้นเพิ่มศักยภาพพัฒนาองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการพัฒนาบุคลากร (People),รูปแบบธุรกิจ (Focused Areas) รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D) พร้อมกับลูกเล่นใหม่ๆ ที่แตกต่างในแบบ “การประกันรถแบบเปิด-ปิด” ให้สอดรับและเชื่อมต่อทุกจังหวะการใช้ชีวิตอย่างไร้รอยต่อ พร้อมขยายฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ให้กว้างมากขึ้น ด้วยประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้ง แบบ“การประกันรถเปิดปิด” และ “แบบรายปี” ที่ให้ความคุ้มครองเต็มรูปแบบครบทุกกรณีขณะที่กลุ่ม Non-Motor เตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยส่วนบุคคล อาทิ ประกันOffice Syndrome และประกันสุขภาพ Active Health รูปแบบต่างๆ ชูจุดเด่นด้านบริการที่สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย เพิ่มความคุ้มครอง ขยายสิทธิประโยชน์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ให้กับลูกค้าในแคมเปญ Active Health Well Being เพื่อสะสมคะแนนแลกเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตเฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
นายจีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเดินหน้าขยายเครือข่ายโรงพยาบาลในทุกภูมิภาค ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการขาย ทั้งกลุ่ม Motor และNon-Motor ให้ครอบคลุมมากขึ้น อาทิ นายหน้าในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และสถาบันการเงิน เป็นต้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงการประกันภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค ไปพร้อมๆ กับการยกระดับภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
“แนวโน้มภาพรวมตลาดประกันภัยในปี 2567 จะมีการแข่งขันด้านราคากันเข้มข้นมากขึ้น จากการควบรวมกิจการ และการเข้ามาของบริษัทประกันภัยข้ามชาติ แต่ด้วยจุดแข็งที่เรามีความเข้าใจตลาด เข้าใจผู้บริโภคคนไทย ทำให้สามารถพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการที่แท้จริง สามารถแก้ Paint Point ให้ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด” เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงของคนไทย โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญ เราจึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนใช้รถยนต์ EV ให้ได้รับความคุ้มค่ามากที่สุดเพื่อสอดรับกับกระแสการเติบโตอย่างยั่งยืน ให้คนไทยหันมาใช้รถที่ใช้พลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น นายจีรพันธ์ กล่าว
ด้านนายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มกระแสความนิยมรถยนต์ EV ภายในประเทศไทยขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง กอปรกับนโยบายมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศของรัฐบาล ด้วยการลดภาษีนำเข้า ,ลดภาษีสรรพสามิต รวมถึงให้เงินสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า เราในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยไทยจึงมีหน้าที่ให้การสนับสนุน โดยรถยนต์ EV มีแนวโน้มการเติบโตหลายเท่าตัวในปีที่ผ่านมา และเบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 10% ของยอดขายรถใหม่ที่จดทะเบียนในปี 2567 รวมถึงมียอดรถยนต์ EV ที่มีความต้องการทำประกันภัยกว่า 200,000 คันในปี 2567 โดยประมาณการจากกรมธรรม์รถยนต์ EV ที่จะหมดอายุในปี 2567 ประมาณ 100,000 กรมธรรม์ และยอดการออกรถใหม่ในปี 2567 อีกกว่า 100,000 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะแผนประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มค่าและคุ้มครองครบซึ่งบริษัทฯได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากแผนประกันภัยรถยนต์ EV แบบรายปีทั่วไป สู่ “ประกันรถเปิดปิด รถยนต์ EV”
“จากการศึกษา Insight ของผู้ใช้บริการรถ EV ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าเบี้ยประกันภัยรถ EV โดยทั่วไปมีราคาเบี้ยค่อนข้างสูงมากในตลาดประกันภัย จุดนี้จึงเป็น Pain Point สำคัญ ที่บริษัทคำนึงถึง และวันนี้ก็พร้อมแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการอย่างครอบคลุม” ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันThaivivat เพื่อรองรับคนใช้รถยนต์ EV อาทิ ฟีเจอร์ค้นหาสถานีชาร์จ ค้นหาอู่หรือศูนย์ซ่อม หรือโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง รวมถึงศูนย์บริการด้านอื่นๆ เช่น การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ บริการล้างรถ บริการจุดจอดรถ เป็นต้น นายเทพพันธ์ กล่าว
นายเทพพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนประกันรถเปิดปิด รถยนต์ EV ผู้ใช้บริการสามารถเลือกรับความคุ้มครองได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์การใช้รถของแต่ละบุคคลซึ่งมีทั้งแบบ Package และแบบ Top-up เพิ่มชั่วโมง เหมือนแผนประกันรถเปิดปิดแผนปกติ อีกทั้งยังคุ้มครองครอบคลุม ทั้งประเภท 1, 2+ และ 3+ โดยมีค่าเบี้ยประกันภัยชั้น1 เริ่มต้น 6,600 บาท,ประกันภัยชั้น 2+ ค่าเบี้ยเริ่มต้น 1,900 บาท และประกันภัย ชั้น3+ ค่าเบี้ยเริ่มต้น 1,700 บาท ซึ่งช่วยประหยัดค่าเบี้ยสูงสุดถึง 60% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเบี้ยทั่วไปในตลาด ภายใต้ความคุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมครอบคลุมทุกความคุ้มครองที่จำเป็น ทั้งความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุ, ความรับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก, ความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีสูญหายหรือไฟไหม้, การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล, การประกันภัยค่ารักษาพยาบาลและการประกันตัวผู้ขับขี่ โดยแผนประกันภัยสามารถรองรับครอบคลุมรถยนต์ EV จากหลากหลายค่ายรถยนต์ อาทิ TESLA, CHANGAN, BYD, MG, NETA และ ORA เป็นต้น
นายเทพพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนประกันภัยรถยนต์ EV จะเป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยผลักดันเบี้ยรับรวมในปี 2567 ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในโอกาสเปิดตัวแผนประกันภัยรถยนต์ใหม่ บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ประกันรถเปิดปิด แผนรถยนต์ EV โดยมอบส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท สำหรับประเภทความคุ้มครอง ชั้น 1 เมื่อกรอกหรือแจ้งรหัสส่วนลด “NEWPPU1000” และมอบส่วนลดสูงสุด500 บาท สำหรับประเภทความคุ้มครองชั้น 2+ หรือ 3+ เมื่อกรอกรหัสหรือแจ้งรหัสส่วนลด “NEWPPU500” ตั้งแต่แผน Package 12 เดือน หรือแผน Top-up (365 วัน) ขึ้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ www.thaivivat.co.th หรือ Call center