Crypto

บทเรียนตลาดคริปโต จากคืนวันฝันร้าย ปลายเดือน พ.ย. !!
8 ธ.ค. 2564

ยังจำกันได้ไหมเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วงเวลาสายๆ  KUB coin (KUB), JFIN Coin (JFIN) และ SIX Coin 3 เหรียญคริปโตฯสัญชาติไทย พร้อมใจกันกระโดดหน้าผาลงมาอย่างพร้อมเพรียง ประเมินกันคร่าวๆแต่ละเหรียญราคาน่าจะตกไปราว 60-70% จนถึงบัดนี้ยังไม่มีเรี่ยวแรงปีนกลับดอย

 

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดหุ้น ที่เคยเห็นกันมา คือ สร้างสตอรี่ลากราคา ตามมาด้วยการทุบแล้วแยกย้าย !!

 

ตลาดสินทรัพย์ดิจิตัล หรือคริปโตฯ ในไทย ตลาดน้องใหม่ที่เพิ่งจะเติบโตและซื้อขายกันจริงจังก็น่าจะปีนี้เอง การรับน้องแรงๆ รอบนี้ให้บทเรียนอะไรกับนักลงทุน ตลาดสินทรัพย์ดิจิตัล บริษัทที่ออกเหรียญ และหน่วยงานกำกับดูแลอย่างสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.

 

Bitkub ในฐานะศูนย์ซื้อขายย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งเป็นไปได้ ว่า น่าจะมีผู้ที่พยายาม ปั่นราคาเหรียญขึ้นไป ก่อนจะ “ทิ้งดิ่ง” ลงมา หรือที่เรียกว่า Pump and Dump ทำให้นักลงทุนที่กลัวตกรถ หรือ Fear of Missing Out (FOMO) อดใจไม่ไหวกลัวตกขบวนรีบวิ่งขึ้นไป และลงไม่ทัน

 

มีการตั้งข้อสังเกต ว่า คนที่จะทุบ จะสร้างราคาได้ เป็นใครได้บ้าง ต้องเป็นนักลงทุนขาใหญ่หรือไม่ หรือไม่ใช่รายใหญ่ แต่เป็นการรวมกลุ่มเข้าออกพร้อมกัน โดยมีการนัดแนะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย คล้ายกับกรณีบริษัทเกมสต็อป ในตลาดสหรัฐที่ล้มกระดาน กองทุนประเภท เฮ็ดจ์ฟันด์ หรือกองทุน ขนาดใหญ่มาแล้ว หรือใครที่มีส่วนเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเป็นคนใน เรื่องนี้. Bitkub น่าจะรวบรวมหลักฐานได้ไม่ยาก

 

วันก่อนถูกเท แต่ละเหรียญล้วนมีแต่ข่าวดีๆ

 

ย้ำกันอีกที ราคาสูงสุดของเหรียญ KUB อยู่ที่ระดับ 500 บาท ก่อนตกลงมา ประมาณ 60-70% และทำจุดต่ำสุดที่ 150 บาท เช่นเดียวกับ  JFIN ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 248 บาท และ SIX สูงสุดอยู่ที่ราว 19 บาท ก่อนที่ราคาตกลงมาอย่างรวดเร็วโดยพร้อมเพรียง ในช่วงเช้าของวันที่ 30 พ.ย.

 

โดยที่เหรียญ KUB เป็นตัวจุดพลุ! เริ่มจาก 2 พฤศจิกายน 2564 เมื่อ  SCBx ประกาศเข้าซื้อหุ้น 51% ใน Bitkub Online ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Digital Exchange หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล ด้วยมูลค่าสูงถึง 17,850 ล้านบาท  และหลังจากนั้น Bitkub Capital Group Holdings ได้ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับหลายบริษัทและองค์กรต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, อนันดา ดิเวลลอปเม้นท์ รวมทั้งเดอะมอลล์กรุ๊ป ทำให้ราคา KUB ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 32 บาทช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไปทำราคาสูงสุด ที่ 500 บาท ในวันที่ 29 ในเดือนเดียวกัน

 

ส่วนเหรียญ JFIN นั้นก็ได้ข่าวเชิงบวกจากการที่บริษัทแม่ บริษัท เจ มาร์ท (JMART) จับมือกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) นำเหรียญ JFIN ไปแลกสินค้า หรือจ่ายค่าเช่าก็มีส่วนลดให้ หรือลูกหนี้ JMT ถ้าใช้ JFIN จ่ายก็จะมีส่วนลดให้

 

ในขณะที่เหรียญ SIX ก็มีข่าวบริษัท Six Nexteork  ทำโปรเจกต์ K-POP NFT  ของเกาหลี ของวง T-ARA เป็นโปรเจกต์ในระดับเอเชีย

 

... แอคชั่น เตรียมตรวจสอบการกระทำความผิด เบื้องต้นจี้ Bitkub รวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบ

 

หลังจากราคาเหรียญถูกเท เหล่าบรรดาชุมชนคริปโตร้อนฉ่า!  แต่ก็ไม่มีใครร้องขอให้ ก.ล.ต. ช่วยสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งบรรดาสื่อสำนักต่างๆ ได้สอบถามไป ก.ล.ต. จึงเตรียมเรียกประชุมศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลทั้งหมด รวมทั้ง Bitkub ในฐานะที่เป็นเจ้าของตลาดที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

 

ก.ล.ต. ก็อาจจะ “โยนหินถามทาง” ที่ว่าอาจจะพิจารณาการนำ Floor & Ceiling หรือการกำหนดช่วงราคามาใช้ในตลาดสินทรัพย์ดิจิตัลแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในตลาดหุ้น  เนื่องจากไม่มีที่ใดในโลกที่มีการกำหนดกรอบเพดานการขึ้นลงของราคาในตลาดสินทรัพย์ดิจิตัล

 

ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และ CEO and Founder ของ Bitcast ให้ความเห็นว่า ไม่เห็นด้วย หากจะกำหนด ceiling & floor เพราะไม่อยากให้ขัดต่อกลไกตลาด แต่อยากให้ ก.ล.ต. จัดการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในการสร้างราคา เพราะตามกฎหมาย สินทรัพย์ดิจิตัล นั้น ก.ล.ต. มีอำนาจในการลงโทษคนสร้างราคาได้

 

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ และเป็นบททดสอบครั้งแรก ของตลาดสินทรัพย์ดิจิตอลในประเทศ

 

 

Chapter 1  ถอดบทเรียนตลาดคริปโตไทย ได้อะไรจากคืนวันที่ฝันร้าย

 

•สำนักงาน ก.ล.ต.

-ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล เมื่อพบการกระทำที่ไม่เป็นธรรม การปั่นราคา การสร้างราคา จะต้องดำเนินการทางกฏหมายกับผู้กระทำความผิด โดยการสืบสวนสอบสวนร่วมกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล ตามอำนาจ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิตัล

 

•ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล

-ในส่วนของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล ต้องมีการกำกับและตรวจสอบการซื้อขายเบื้องต้น หรือมีระบบ market surveillance เมื่อปรากฏความผิดปกติในการปั่นราคา ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ โดยการตรวจสอบหาต้นตอผู้กระทำความผิดด้านราคา รวบรวมข้อมูลการซื้อขาย หลักฐานต่างๆ ส่งให้ ก.ล.ต.พิจารณาตรวจสอบเชิงลึกต่อไป

 

-การแจ้งเตือนผู้ลงทุน เมื่อพบความผิดปกติของราคาอย่างชัดเจน  เพื่อให้การลงทุนในตลาดนี้มีความเป็นธรรมและป้องกันความเสียหายในวงกว้าง

-การที Market Maker เพื่อสร้างสภาพคล่องในการซื้อขาย

 

บริษัทที่ออกเหรียญระดมทุน หรือ Token digital

ในส่วนของบริษัทที่ออกเหรียญระดมทุน หรือ Token digital ควรจะต้องนำเหรียญไปจดทะเบียนซื้อขายในหลายๆ exchanges เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และให้นักลงทุนสามารถทำกำไรข้ามตลาดได้ (arbitrage)  เพราะเมื่อราคาในตลาดหนึ่งต่ำเกินไป จะมีผู้มาซื้อเหรียญเพื่อไปขายทำกำไรในตลาดที่สูงกว่า เป็นการใช้กลไกตลาดทำงานสร้างความสมดุลย์ของราคา ทำให้การปั่นราคาทำยากขึ้น และต้องใช้เงินจำนวนมาก

 

• นักลงทุน

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนราคาแพง ตอกย้ำการลงทุนมีความเสี่ยง และเราไม่ควร All-in หรือทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดลงไปในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว ศึกษามูลค่าที่แท้จริงของเหรียญที่ลงทุนอยู่ ถ้าราคาเกินจริงไปมาก มีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรออกมา สำหรับนักลงทุนรุ่นเยาว์ หากพลาดพลั้งขึ้น ก็ยังมีเวลาเรียนรู้และเริ่มต้นใหม่ได้ แต่สำหรับผู้สูงวัยที่ควรลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ อาจไม่มีเวลาแก้ตัว ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนะนำชี้ว่า น่าจะลงทุนประมาณ 5-10% ของพอร์ต หรือลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้

--------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com