สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ราคาสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี ร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะเหรียญสกุล บิตคอยน์ หลุดจากระดับ 40,000 ดอลลาร์ จากความกังวลเกี่ยวแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 

โดย เวลา 14.15 น. ตามเวลาในไทย ราคา บิตคอยน์ ร่วงลง 3,184.7 ดอลลาร์ หรือ -7.58% ลงมาอยู่ที่ระดับ 38,834.5 ดอลลาร์ ส่วนราคา อีเธอร์เรียม ก็ร่วงในระดับใกล้เคียงกัน ดิ่งลง 284.04 ดอลลาร์ หรือ -9.03% แตะที่ 2,860.68 ดอลลาร์

นักค้าเงินสกุลดิจิทัล เผยว่า ราคา Bitcoin นั้นได้มีการปรับตัวร่วงลงมาจากจุดสูงสุดของวันนี้ที่ 43,400 ดอลลาร์ ลงมาอยู่จุดต่ำสุดของวันที่ 38,800 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าที่ร่วงลดลง 10%  หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางรัสเซีย ยังคงยืนกราน เรียกร้องให้แบน Cryptocurrency โดยระบุว่า cryptocurrency นั้นมีความผันผวน และมักใช้ในการดำเนินการทางอาญา เช่น การฉ้อโกงและการฟอกเงิน พร้อมทั้งเปิดช่องโหว่ให้บุคคลถอนเงินออกจากระบบเศรษฐกิจภายในประเทศส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลง 

จากข่าวดังกล่าวเริ่มแพร่สะพัดออกไป นักลงทุนก็พากันแห่เทขายเหรียญกันจ้าละหวั่น และยังคงมีแรงเทขายที่เยอะอย่างมาก

นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ การที่เฟดประกาศแผนการลดงบดุลบัญชี, ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงสกุลเงินคริปโทฯ

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินของเฟดจะส่งผลให้สภาพคล่องไหล ออกจากตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงตลาดสกุลเงินคริปโทฯ 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า  ก.ล.ต. สหรัฐฯ ไม่อนุมัติตั้งกองทุนลงทุนในบิทคอยท์

จากปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามา ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า การที่ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงรุนแรง หลุดต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ อาจจะยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด มองว่าอาจจะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อไปได้อีก แต่จะถึงจุดไหน ยังไม่อาจคาดเดาได้