เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา กระแสบิ๊กมูฟการแย่งชิงวิศวกรหัวกะทิบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก สะท้อนภาพหุ้นบิ๊กเทคยังคงไปต่อแรงไม่หยุดแน่ในปี 2565 และจะเห็นเทรนด์สินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นก็มีความเขื่อมโยงระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดสินทรัพย์ดิจิตัล มาติดตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคกัน
Apple เตรียมแจกโบนัสให้พนักงานสูงสุดถึงคนละ 6 ล้านบาท ! หลังพบว่าพนักงานกว่า 100 คน ได้ย้ายหนีไปทำงานกับ Facebook หรือ Meta !
นอกจากบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ของโลกจะแข่งกันในเรื่องสินค้าและบริการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกบริษัทพยายามแก่นแย่งกันมากยิ่งกว่าคือ "พนักงานฝีมือดี" ทั้งหลาย
จากรายงานล่าสุดทางบริษัท Apple ได้พบว่ามีวิศวกรในบริษัทจำนวนกว่า 100 คน ได้ลาออกไปทำงานกับบริษัท Facebook (ชื่อใหม่ Meta Platforms, Inc., ) หลังจากที่ทาง Facebook ได้ประกาศวิสัยทัศน์ที่จะลุยธุรกิจ Metaverse อย่างจริงจังและเปลี่ยนชื่อเป็น Meta ก็ได้มีวิศวกรมากมายต้องการเข้าร่วมทำงานกับบริษัทเพื่อพัฒนาโครงการที่น่าตื่นเต้นนี้
ทำให้ทาง Apple ต้องการกำจัดปัญหาพนักงานย้ายออกไปทำงานกับ Facebook หรือบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่อื่นๆ ด้วยการเตรียม “แจกโบนัส” ก้อนโตให้กับเหล่าวิศวกรในบริษัท ในรูปแบบของหุ้นบริษัทเพิ่มเติม
โดยจากที่ Bloomberg รายงาน โบนัสที่เป็นหุ้นเหล่านี้จะมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 50,000 - 180,000 เหรียญสหรัฐต่อคน หรือมากถึง 1.7 - 6.0 ล้านบาทต่อคนเลยทีเดียว ! จำนวนโบนัสที่ได้รับนี้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทำงาน และผลงานของพนักงาน ว่าสามารถทำงานได้บรรลุตามเป้าหมายของ บริษัทหรือไม่
แน่นอนว่าตอนนี้ทุกบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ของโลก ก็กำลังแย่งพนักงานของแต่ละบริษัทกันอย่างจริงจัง
แต่ไม่ว่าจะแย่งตัวกันอย่างไรก็ตาม หากศึกษาให้ลึกๆแล้วเราจะรู้ว่าตอนนี้บริษัทที่เหล่าวิศวกรหัวกะทิทั้งหลาย อยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุดในโลก ก็จะหนีไม่พ้นบริษัท Tesla และ SpaceX
เพราะนอกจากทั้ง 2 บริษัทจะมีผู้นำที่ได้ชื่อว่าเป็นวิศวกรที่เก่งที่สุดในทศวรรษนี้ และยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากว่า CEO คนอื่นๆในโลกนี้แล้ว ผลตอบแทนของการเป็นพนักงาน Tesla ที่ได้รับหุ้น Tesla เป็นหุ้น ก็ย่อมจะถือเป็นผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่าหุ้น Apple, Facebook, Google หรือ Microsoft กว่าอีกหลายเท่า
Trader KP หยิบยกเรื่อง การแจกโบนัสของ Apple ขึ้นมาเพื่อขยี้ให้เห็นชัดๆ ว่าหุ้นเทคนั้นยังคงร้อนแรงต่อไปในปี 2565 นี้ และตลาดแรงงานต้องการคนระดับหัวกะทิให้อยู่กับบริษัท การเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ต้องจัดให้เต็มที่เพื่อรักษาบุคลากรไว้ไม่ให้หลุดไปยังบริษัทคู่แข่ง
การลงทุนในหุ้นต่างประเทศสำหรับปัจจุบันนั้นทำได้ง่าย นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้โดยตรงผ่านโบรกเกอร์ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นไว้ หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ
(foreign investment fund-FIF) หรือลงทุนใน Derivative Warrant (DW) ที่เป็นดัชนีหุ้นต่างประเทศ เช่น ดัชนีหุ้น Hang Seng ดัชนีหุ้น Vietnam ดัชนีหุ้น S&P 500 หรือดัชนีหุ้นรายตัว ที่น่าจะมีการเปิดตัวให้เทรดกันในปี 2565 นี้
ดังนั้นหุ้นที่มีลักษณะเป็น exponential หรือมีอัตราการเติบโตสูงก็เป็นที่สนใจมากกว่าหุ้นเติบโตตามวัฎจักรเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การลงทุนในปัจจุบันนั้นสามารถลงได้หลากหลาย สามารถกระจายการลงทุนได้ในหลายรูปแบบตามที่ต้องการในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งเป็นลักษณะ borderless มากขึ้น
ส่วนสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นก็มีความเขื่อมโยงระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดสินทรัพย์ดิจิตัล เช่น หุ้น Meta หรือ Facebook ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีมาก ในขณะที่มีโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse ในอนาคต ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนเข้ามาช่วย ทั้งบล็อกเชนและ Metaverse กำลังเป็นโปรเจ็กการระดมทุนที่ได้รับความสนใจในตลาดสินทรัพย์ดิจิตัลเป็นอย่างมาก
ดังนั้นข่าวข้ามโลกเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น Apple, Meta, หรือ Tesla ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรในยุคการลงทุนแบบไร้ขีดจำกัดในปัจจุบัน อยู่ที่ว่านักลงทุนจะสามารถเรียนรู้และใช้โอกาสในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการลงทุนมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นในหลายมิติ ทุกคนสามารถลงทุนได้แบบ “Anytime Anywhere”