“สภาพัฒน์” เผยพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาด คริปโตฯ พบคนไทยหวัง "รวยเร็ว" แต่ยังไม่มีความรู้ด้านการลงทุน และยังพบว่าแพลตฟอร์ม ตปท. มีความเสี่ยง เพราะกฎหมายไทย ไม่สามารถกำกับดูแลได้
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” เผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2565 ในประเด็น “พฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาด Cryptocurrency” พบว่า ปัจจุบัน คริปโตเคอร์เรนซี(Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ เข้ามาลงทุน และหาผลตอบแทนจากมูลค่าที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น โดยจ านวนผู้ครอบครองคริปโตฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2564
สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พบว่า จำนวนบัญชีซื้อขายคริปโตฯ ปี2564 เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน และจากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า ปี 2564 มีมูลค่าการซื้อขายคริปโตฯ ในไทยเฉลี่ยประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ต่อเดือน
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาพฤติกรรมการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ของคนไทย มีประเด็นที่น่ากังวล ดังนี้
1) ผู้ลงทุนในคริปโตฯ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างผลกำไรที่สูงในเวลาที่รวดเร็ว
2) 1 ใน 5 ของผู้ลงทุนในคริปโตฯ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคริปโตฯ น้อย และร้อยละ 25 ใช้สัญชาตญาณ ในการตัดสินใจลงทุน
3) มากกว่า 1 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่ที่ลงทุนในคริปโตฯ ลงทุนเพื่อความสนุก บันเทิง และเข้าสังคม และ
4) นักลงทุนคริปโตฯ มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถกำกับดูแลได้ จากพฤติกรรมข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุนของนักลงทุนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การลงทุนเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนแต่ผู้ลงทุนต้องศึกษาหาความรู้ให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจลงทุนโดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภทนี้ซึ่งมีความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์มากกว่าประเภทอื่นมาก โดยความเสี่ยงที่สำคัญ คือ
1) ไม่มีการกำกับดูแลตามกฎหมาย สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการกำกับดูแลเรื่องการออกเสนอขายคริปโตฯ และคุ้มครองผู้ลงทุนในคริปโตฯ ที่ทำการซื้อ/ขาย ผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนในประเทศไทยได้
2) ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (ยกเว้น Stablecoin บางชนิด) ทำให้เมื่อเกิดการด้อยค่า ผู้ที่เป็นเจ้าของจะไม่มีหลักประกันใด ๆ เลย อาทิ กรณีเหรียญ Terra Classic ที่เคยมีมูลค่าสูงถึง 3,903 บาท/เหรียญ ในเดือนเมษายน 2565 และตกลงมาเหลือเพียง 0.003 บาท/เหรียญ ในเดือนถัดมา
3) ตลาดคริปโตฯ ถูกชี้นำได้ง่ายโดยการเปลี่ยนแปลงของราคา คริปโตฯ เกิดขึ้นจากความต้องการที่ถูกชี้นำจากข่าวสาร แทนการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน (งบการเงิน และผลประกอบการ) และคริปโตฯ ยังสามารถปั่นราคาสินทรัพย์ (Pump and Dump)
ได้ง่าย และควบคุมได้ยาก และ
4) ตลาดคริปโตฯ มีการหลอกลวง และการโกงหลายรูปแบบ อาทิ การหลอกให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่านลงในเว็บไซต์ปลอมและขโมยบัญชีผู้ใช้ไปใช้งาน หรือเพื่อขโมยเหรียญคริปโตฯ การชักชวนลงทุนจูงใจว่าสามารถทำกำไรได้แบบเกินจริง ขณะที่ การ rug pull ที่เป็นการโกงรูปแบบหนึ่งเกิดจากการที่นักต้มตุ๋นทำทีว่ามีการพัฒนาโครงการเหรียญคริปโตฯ ใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเพื่อต้องการหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายก่อนที่จะเทขายทิ้ง หรือฉ้อโกงเงินในระบบและส่งผลให้เหรียญนั้นไร้มูลค่า
ดังนั้น ผู้ต้องการลงทุนต้องศึกษา และทำความเข้าใจตลอดจนประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้านหากต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ขณะเดียวกันต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีและเลือกลงทุนอย่างไม่ประมาท เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นในต่างประเทศที่มีการฆ่าตัวตายจากการสูญเงินลงทุนในคริปโตฯ แล้วกว่า 22 ราย
ที่มา: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ