ปี 2564 นับเป็นปีแห่งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตัล ที่สามารถโชว์ผลตอบแทนหรูหรากว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปยังธุรกิจแบบดั้งเดิมในหลายสาขา “สลบไม่ทันฟื้น” ก็มีสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” มาถล่มต่ออีกรอบ หลังเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่ผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวใช้สิทธิ์ลดหย่อน “ไทยเที่ยวไทย”จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มทวีคูณแบบครั้งก่อนจนต้องล็อคดาวน์กันอีกรอบหรือไม่ มารอดูกัน!!
กลับมาที่การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลในประเทศ ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมานี้นับเป็นการเปิดซื้อขายแบบครบปีเป็นปีแรก บูมตามคาด!! มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของสินทรัพย์ดิจิตัลในรอบ 11 เดือนแรก ปี 2564 อยู่ที่ราว 4.52 พันล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมหรือต้นปีที่ 2.9 พันล้านบาท และมีการซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ 8.16 พันล้านบาทต่อวัน ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
จากสถิติพบว่าการลงทุนในช่วงต้นปีของนักลงทุนไทย จะเน้นไปที่ Bitcoin (BTC) ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 50-60% ตามด้วย Ethereum (ETH) ประมาณ 30% และ Polkadot ประมาณ 10% ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าในช่วงต้นปีนั้น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลที่มีด้วยกัน 5 บริษัทและมีโบรกเกอร์อีกหนึ่งบริษัท ทุกแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่ในช่วงเริ่มต้น และเพิ่มเริ่มนำเหรียญคริปโตสกุลหลักมาซื้อขาย เช่น Bitcoin Ethereum XRP USDT เป็นต้น เมื่อมีสินค้าจำกัด ก็ไม่แปลกที่การซื้อขายส่วนใหญ่จะอยู่ในเหรียญเหล่านี้
ปัจจุบันหลายๆ ศูนย์ซื้อขายได้นำเหรียญต่างๆที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศเข้ามาลิสมากมาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งหลังจากที่มีการนำเหรียญทางเลือกใหม่ๆ ที่เรียก Altcoin เข้าลิสเพิ่ม นักลงทุนก็หันไปลงทุนเหรียญอื่นๆ มากขึ้นทำให้สถิติของการลงทุนในเหรียญต่างๆ เปลี่ยนไปดังนี้
ในเดือนพฤศจิกายน มาร์เก็ตแชร์ของ Bitcoin ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียง 13.4%, เหรียญที่นิยมอันดับ 2 คือ Dogecoin 10.46%, ตามด้วย Ethereum 10.2% ส่วนบรรดาเหรียญ altcoin ต่างๆมีการซื้อขายรวมกันกว่า 41.5%
สำหรับตลาดคริปโตเคอเรนซีในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันนั้นมีกว่า 550 แห่ง ส่วนเหรียญต่างๆ มีมากกว่า 15,000 เหรียญ และเหรียญที่เป็นที่นิยมจะมีลิสในเกือบทุกๆ แพลตฟอร์มซื้อขาย ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายทำกำไรส่วนต่างระหว่างตลาด หรือที่เรียกว่า Arbitrage ซึ่งส่วนนี้เป็นความพิเศษของตลาดคริปโต ที่นอกเหนือจากเปิดทำการซื้อขาย 24 ชั่วโมงในทุกวัน หรือซื้อขายตลอดเวลาไม่มีพัก ไม่มี ฟอร์และซิลลิ่งในการซื้อขายนั่นเอง
มาดูความนิยมสินทรัพย์ดิจิตัลในตลาดไทยกันว่าฟีเวอร์ขนาดไหน จากสถิติองสำนักงาน ก.ล.ต. พบว่าจำนวนนักลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลในช่วงต้นปีอยู่ที่ 160,000 ราย และล่าสุดในเดือนตุลาคม มีจำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 1,006.25% !! เพียงแค่ 10 เดือนแรกเท่านั้น
จากข้อมูลของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลพบว่าในปัจจุบันมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังรอขั้นตอนการทำ “Know Your Customer” หรือ “KYC” จากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลกว่า 2 ล้านคน บ่งบอกถึงความนิยมในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดนเฉพาะในช่วงที่ราคา Bitcoin ขึ้นไปทำนิวไฮ ที่ประมาณ 68,000 เหรียญสหรัฐเมื่อ 8 พฤศจิกายน และ Ethereum ทำนิวไฮที่ 4,708 เหรียญสหรัฐ ในช่วงวันที่ 7 พฤศจิกายน ยิ่งเพิ่มความอยากเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์คริปโตมากขึ้น
ส่วนเหรียญคริปโตสัญชาติไทยในปี 2564 มาแรงไม่แพ้คริปโตต่างประเทศ เช่นเ หรียญ Bitkub coin จาก Bitkub Chain Technology, Six Coin ของ Six Network และ JFIN Coin ของ Jay Mart, ทั้ง 3 เหรียญถูกปั่นราคาขึ้นไป กว่า 1,000% ในระยะเวลาสั้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และถูกขายทิ้งพร้อมกันทั้ง 3 เหรียญในช่วงเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายน, ทำให้ราคาตกลงมากว่า 60-70% ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจาก ก.ล.ต.
สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตัลในปี 2565 นักกลยุทธ์จาก Zipmex Thailand มองว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิตัลยังมีความน่าสนใจ และคาดว่าจะเตืบโตได้ต่อเนื่อง เพราะธุรกิจขนาดใหญ่อย่างธนาคารพานิชเริ่มลงสู่สนามกันอย่างจริงจัง ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทจดทะเบียนก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อยู่ในกระแสมาให้ลงทุนกัน ไม่ว่าจะเป็น Non-Fungible Token (NFT) Decenterlised Finance (DeFi) Game Decenterlised Finance (GameFi) และ Metaverse
เพียงแต่ปัจจัยเสี่ยงในปี 2565 ที่ต้องระวังคือเรื่องสภาพคล่องตึงตัว เนื่องจากการปรับลดวงเงิน QE หรือลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ การลดงบดุลย์ การขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในตลาดโลกลดลง ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อสภาพคล่องการซื้อขาย ความผันผวนของราคาจะสูงขึ้น จึงต้องระมัดระวังในการลงทุน