ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดให้ลูกค้าอบรมหรือทดสอบความรู้เกี่ยวกับ คริปโทเคอร์เรนซี และจัดส่งรายงานข้อมูลคุณภาพการให้บริการเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ซื้อขายให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจลงทุนไม่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ ในขณะที่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้ซื้อขายยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ข้อมูลความขัดข้องของระบบที่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ และข้อร้องเรียนของผู้ใช้บริการ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการ และ ก.ล.ต. ยังไม่มีข้อมูล IT usage capacity เพื่อใช้ติดตามตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจได้
ก.ล.ต. เห็นถึงความสำคัญของการให้ผู้ประกอบธุรกิจ จัดให้มีการอบรม หรือทดสอบความรู้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี ให้แก่ผู้ซื้อขายก่อนตัดสินใจซื้อขาย และสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเพื่อให้มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้ ก.ล.ต. สามารถติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพการให้บริการและความพร้อมของระบบงานของผู้ประกอบธุรกิจได้ ก.ล.ต. จึงออกหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวโดยสรุป ดังนี้
(1) กำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจ ต้องจัดให้ลูกค้า เข้ารับการอบรมหรือการทดสอบความรู้ (knowledge test) เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ ในการประชุมครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวยกเว้นกรณีที่ลูกค้าเป็นผู้มีประสบการณ์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีมาก่อนใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ หรือเป็นผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ หรือผู้ลงทุนรายใหญ่** ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีการให้คำแนะนำเบื้องต้นเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจความสำคัญในการจัดสรรและกำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมแก่ลูกค้า (basic asset allocation) เพิ่มเติมด้วย โดยประกาศดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2565
(2) กำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจ จัดส่งรายงานข้อมูลคุณภาพการให้บริการต่อ ก.ล.ต. และเปิดเผยรายงานดังกล่าวบนเว็บไซต์ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ ในการประชุมครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 รวมทั้งจัดส่งรายงานการใช้ความสามารถของระบบงานต่อ ก.ล.ต. เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ซื้อขายให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต โดยประกาศดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566