ราคาคริปโทเคอร์เรนซีร่วงหนัก หลังรัสเซีย ban กังวลสภาพคล่องหายจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE Tapering รวมทั้งการเตรียมลดงบดุลและขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ตามการคาดการณ์ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐหลายแห่ง
ตลาดคริปโตกำลังเผชิญแรงเทขายหนักอย่างต่อเนื่องนับจากวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา หลังจากที่รัสเซียได้ประกาศ ban และห้ามขุดเหมือง Bitcoin รวมทั้งธนาคารกลางรัสเซียมองว่าแรงเก็งกำไรในคริปโตเพิ่มขึ้นสูงมาก สะท้อนให้เห็นถึงภาวะฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินและพลเมืองของประเทศ
ราคา Bitcoin ร่วงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ล่าสุดวันที่ 24 ม.ค. 2022 ราคา Bitcoin เคลื่อนไหว อยู่ที่ $35,000-36,000ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Ethereum ที่ดิ่งต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 2,400-2,500 ดอลลาร์
ทั้งนี้ธนาคารกลางรัสเซียได้เสนอให้นักลงทุนสถาบันไม่สามารถถือครองสินทรัพย์ที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับคริปโต รวมถึงการสร้างกลไกเพื่อป้องกันธุรกรรมที่จะซื้อหรือขายคริปโต นอกจากนี้ยังรวมถึงการ ban ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
ที่ผ่านมารัสเซียเป็นประเทศที่มีผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตค่อนข้างมาก โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และรัสเซียยังเป็นประเทศที่มีเหมืองขุด Bitcoin มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และคาซัคสถาน
ธนาคารกลางรัสเซียยังกล่าวอีกว่า เหมืองขุด Bitcoin สร้างปัญหามากมายเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ซึ่งพลังงานเหล่านี้มักจะมาจากการใช้พลังงานฟอสซิล
“ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือ การเสนอให้มีการแบนเหมืองคริปโตในรัสเซีย” ธนาคารกลางรัสเซียกล่าว
นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการของ Satang Corp ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลของไทย กล่าวว่า ในช่วงนี้ได้ตลาดคริปโทฯได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งเรื่องรัสเซีย และ นโยบายการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่ทำให้สภาพคล่องในตลาดเข้าสู่ภาวะตึงตัว และราคาปรับลดลงอย่างมากโดยเฉพาะเหรียญหลัก เช่น Bitcoin และ Ethereum
นายปรมินทร์ กล่าวว่า การลงทุนในคริปโทฯมีความผันผวนสูงมาก หากสามารถถือให้ผ่านไปได้ ก็ไม่เสียหายมาก อย่างไรก็ตามคนที่เดือดร้อนก็ต้องขายออกไปก่อนเพื่อถือเงินสด
“ผมเคยลงทุนใน Bitcoin ราคาเคยตกลงมาถึง 90% แต่ก็ยังถืออยู่เมื่อเวลาผ่านมา ตลาดฟื้นตัวขึ้นมาได้ ก็ไม่เสียหาย แต่เป็นการเตือนให้รู้ถึงความผันผวนสูง ที่นักลงทุนต้องรู้ และควรเป็นเงินออมเท่านั้นที่มาลงทุน และนักลงทุนต้องรับความเสี่ยงได้ และแนวโน้มในระยะสั้นราคาอาจลงต่อได้อีกเล็กน้อย” นายปรมินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ยังคงมีโอกาสเติบโตในระยะกลางและระยะยาว เมื่อตลาดนี้มีความกว้างขึ้น มีคนเข้าใจมากขึ้น Bitcoin เป็นจะเป็นสกุลเงินที่ใช้หลัก Decentralized ซึ่งมีจุดประสงค์ชัดเจนในการก่อกำเนิดขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาของเงินสกุลต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ด้อยค่าลงจากการพิมพ์เงินออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยี 5 อันดับแรกของโลก สูญเสียความมั่งคั่งรวมกัน 2.2 ล้านล้านบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา
อีลอน มัสก์ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีความมั่งคั่งลดลง 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 8.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงที่มากกว่า 9%
เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ ลดลง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 6.6 แสนล้านบาท, ชางเพ็งเจา แห่ง Binance ลดลง 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.8 แสนล้านบาท ขณะที่เจ้าพ่อโซเชียลอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ลดลง 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.4 แสนล้านบาท
การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคลี่คลายเศรษฐกิจที่ร้อนแรง ตลาดร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโรคระบาดใหญ่ ส่งผลให้ราคาของอีคอมเมิร์ซ สกุลเงินดิจิทัล ไปจนถึงเกมออนไลน์ ล้วนดิ่งลงเหมือนกันหมด
ราคาของคริปโทเคอร์เรนซี เป็นหนึ่งในตลาดที่ร่วงลงมากที่สุด โดย Bitcoin ดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และเหรียญอื่นๆ ก็ลดลอย่างหนักเช่นกัน