เคาะแล้ว!! เก็บภาษีคริปโทฯ กรมสรรพากรยอมให้นักลงทุนนำผลขาดทุนจากการซื้อขาย มาหักกลบกำไร และเว้นหัก ณ ที่จ่ายสำหรับธุรกรรมที่ทำผ่านศูนย์ซื้อขายฯ (Exchange) ภายใต้กำกับของ ก.ล.ต. พร้อมยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เตรียมออกคู่มือชำระภาษีลงทุนคริปโทฯ 31 มกราคม 65
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมสรรพากร ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นำโดย สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน รวมทั้งได้มีการส่งแบบสอบถามเรื่องการจัดเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผู้อยู่ในชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ซึ่งมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 3,000 ราย โดยร้อยละ 82 เป็นผู้มีเงินได้จากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มีเงินได้จากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ซื้อมาเพื่อเก็งกำไร และเกือบร้อยละ 90 ทราบมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี การประกอบธุรกิจและการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากโดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 240 ล้านบาท เป็น 4,839 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 9,600 ล้านบาท เป็น 114,539 ล้านบาท และมีจำนวนบัญชีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนราย เป็น 1.98 ล้านราย รวมถึงวิวัฒนาการเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการทำธุรกรรมต่างๆ มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนรวดเร็วมากตลอดเวลา
จากผลการรับฟังความคิดเห็น และการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่ดำเนินการเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ด้วยการยึดแนวทางการถือเอาผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง (Taxpayer - Centric) รวมถึงทำให้ชัด ผ่อนปรน และมองอนาคต
กรมสรรพากรจึงได้ดำเนินการในส่วนที่มีอำนาจหน้าที่ในการนำเสนอการปรับเปลี่ยนในบางประเด็นเพื่อรองรับกับรูปแบบธุรกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น กรมสรรพากรได้ยึดแนวทาง ทำให้ชัด ผ่อนปรน และมองอนาคต จึงมีข้อสรุปดังนี้
- ทำให้ชัด
สำหรับการกำหนดรูปแบบของภาษีเงินได้ ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ทางกรมสรรพากรได้มีแนวทาง ดังนี้
1 การจัดเงินได้ให้ชัดเจน โดยระบุประเภทเงินได้และผลประโยชน์ให้ครอบคลุมกำไร/รายได้จากการโอน/ผลประโยชน์อันใดจากสินทรัพย์ดิจิทัล
2 วิธีการคำนวณต้นทุนโดยใช้วิธีมาตรฐานการบัญชีรับรอง โดยสามารถทำได้ ๒ วิธี คือ วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) โดยสามารถเปลี่ยนวิธีคำนวณในปีถัดไปได้
3 การวัดมูลค่าสินทรัยพ์ดิจิทัล ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา
ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ จะมีอยู่ในคู่มือการชำระภาษีของผู้มีเงินได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทางกรมสรรพากรกำลังพิจารณาร่วมกับ สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และสมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และจะดำเนินการเผยแพร่ในวันจันทร์ที่ 31 ม.ค 2565
- ผ่อนปรน
กรมสรรพากรได้มีแนวทางในการดำเนินการผ่อนปรนหลายๆ ประการ ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน และยังอยู่ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากรที่สามารถดำเนินการได้ โดยแบ่งออกเป็นในเรื่องของภาษีเงินได้ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามรายละเอียด ดังนี้
1 การคำนวณภาษีเงินได้พึงประเมิน (กำไร) นั้น ทางกรมสรรพากรจะดำเนินการเสนอให้มีการออกกฎกระทรวงเพื่อให้สามารถนำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรได้ในปีภาษีเดียวกัน ซึ่งจะสามารถเข้าเงื่อนไขนี้เฉพาะผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น
2 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้น กรณีธุรกรรมที่กระทำผ่าน Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะไม่สามารถระบุตัวตนผู้รับเงิน และไม่ทราบจำนวนเงินได้ที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบการหักภาษี ณ ที่จ่าย จึงไม่จำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แต่อย่างใด
3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรจะเสนอพระราชกฤษฎีกาให้ยกเว้น VAT สำหรับธุรกรรม ที่กระทำผ่าน ผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
- มองอนาคต
กรมสรรพากรจะพิจารณาหารือร่วมกับชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เชิงนโยบายในอนาคต เพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสม อาทิ การแก้ประมวลรัษฎากรมาตรา 50 ที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยให้ผ่านผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange เป็นผู้หัก และนำส่งกรมสรรพากร การเปลี่ยนประเภทการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ (Financial Transaction Tax) สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมและบริบทต่างๆ โดยรอบอีกครั้ง
“การทำงานร่วมกับ ชุมชนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้กรมสรรพากรได้มีโอกาสรับฟังความคิดเห็นและนำผลของข้อมูลต่างๆ มาพิจารณาการบริหารการจัดเก็บภาษีที่ตอบสนองต่อความต้องการของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการร่วมกันที่จะทำให้กฎหมายภาษีอากรไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และยังคงรักษาหลักการจัดเก็บภาษีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ” นายเอกนิติ กล่าว
ด้านภาคเอกชน นายศุภกฤษฏ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิตอลไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่อยู่ภายใต้อำนาจของกรมสรรพากร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดเก็บภาษีการเทรดคริปโต ส่วนประเด็นที่เป็นเรื่องระดับนโยบาย ที่จำเป็นต้องแก้ไขต่อไป
"การหารือในวันนี้กับกรมสรรพากรก็จะเป็นประโยชน์ที่ระดับนโยบายจะนำไปเป็นข้อมูล" นายศุภกฤษณ์กล่าว