อีกหนึ่งรูปแบบของการลงทุนในโลก Decenterlised Finance (DeFi) ที่น่าสนใจและถูกพูดถึงกันมากในช่วงที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น ‘Yield Farming’ ซึ่งมีโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นมามากมายและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงเกิดกระแสได้รับความนิยมจนผลักดันให้เกิดค่า Gas Fees ที่ค่อนข้างสูงตามมา และวันนี้ SCB 10X จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Yield Farming กันให้มากยิ่งขึ้นในหลายๆ แง่มุม
Yield Farming คืออะไร?
โดยทั่วไป Yield Farming คือการทำกำไรอีกรูปแบบหนึ่งของโลก DeFi โดยการให้สินทรัพย์ที่เราฝากได้ทำงานและสร้างผลตอบแทนสูงสุด ซึ่งสินทรัพย์ที่นำไปฝากในระบบจะถูกใช้งานจริง โดยกลายเป็น ’สภาพคล่อง’
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น Yield Farming เป็นการสร้างผลตอบแทนจากการนำสินทรัพย์ Crypto หรือเหรียญที่เรามีไปฝากไว้ใน Liquidity Pool ของ DeFi Platform หรือ Decentralized Exchanges (DEXs) เพื่อสร้างผลตอบแทน พร้อมกับเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับ DeFi Platform ที่เลือกลงทุน
ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนกันบน Liquidity Pool และโดยส่วนใหญ่ผู้ลงทุนจะได้รับ Governance Token หรือ Token ประจำของ DeFi Platform หรือ DEXs นั้นๆ โดยแต่ละ Platform จะมีเงื่อนไขและรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
อะไรทำให้ Yield Farming มีความพิเศษและน่าสนใจ
ประโยชน์หลักของ Yield Farming ถ้าหากพูดตรงๆ คือการได้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับผู้ที่เข้ามาในโปรเจกต์ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นใหม่ๆ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับรางวัลหรือ ‘Token Rewards’ ที่อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงขาย Rewards โดยมีกำไร และสามารถนำมาใช้หรือนำไปลงทุนได้อีกครั้ง
โดยปัจจุบัน Yield Farming สามารถให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม แต่ย่อมมีความเสี่ยงที่มากกว่าตามมาด้วยเช่นกัน รวมถึงอัตราผลตอบแทนอาจมีความผันผวน ยากต่อการคาดการณ์ว่ารางวัลที่ได้จะเป็นอย่างไรในปีถัดไป
Yield Farming มีความสำคัญเนื่องจากสามารถช่วยให้โปรเจกต์ต่างๆ ได้รับสภาพคล่องมากขึ้นในเบื้องต้น รวมถึงมีประโยชน์สำหรับทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ ซึ่งทำให้โลกของการออกเงินกู้ง่ายขึ้น
โดยผู้ลงทุนที่ได้รับผลตอบในจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็จะมีเงินทุนจำนวนมาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการออกเงินกู้สามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำมาก ซึ่งบางครั้งอาจต่ำเพียง APR 1% ในส่วนผู้กู้ยังสามารถ Lock Up เงินทุนไว้ในบัญชีที่มีอัตราผลตอบแทนสูงได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม แม้ Yield Farming จะมีข้อดีอยู่หลายประการ แต่ก็ยังเป็นการลงทุนที่ยังค่อนข้างทำให้เกิดการถกเถียงหรือมีความแตกแยกในโลก Crypto อยู่บ้าง เพราะไม่ใช่ทุกชุมชนที่คิดว่า Yield Farming สำคัญ และบางคนในชุมชน Crypto ยังได้แนะนำว่าให้ผู้คนอยู่ห่างๆ เสียด้วย รวมถึงยังมีโปรเจกต์ฟาร์มบางรายที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักพัฒนา Ethereum ว่ามีความเสี่ยงสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้น Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ยังเคยโพสต์ไว้เมื่อปี 2020 ว่า เขาจะอยู่ห่างจากการลงทุน Yield Farming อีกด้วย
Yield Farming เหมาะกับใคร
การเข้ามาทำ Yield Farming อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในโลกคริปโตมาก่อน ดังนั้น ผู้สนใจควรมีประสบการณ์การใช้งานเกี่ยวกับ DeFi Protocols หรือคริปโต ซึ่งปัจจุบันมีโปรเจกต์หรือ Protocols มากมายที่พยายามทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยกระแสและความนิยมของ Yield Farming ได้ผลักดันให้มีค่าธรรมเนียมหรือ Gas Fees ที่ค่อนข้างสูงบนเครือข่าย Ethereum ดังนั้นผู้ที่ได้รับผลตอบแทนมหาศาลจาก Lending โดยส่วนใหญ่คือผู้ที่มีเงินทุนจำนวนมากสำหรับการเริ่มต้นลงทุน
ความเสี่ยงของ Yield Farming
Yield Farming ในบางมุมก็มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญสำหรับทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ โดยทั่วไปจะต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือ Gas Fees ที่สูง และจะเกิดความคุ้มค่าก็ต่อเมื่อมีการเตรียมเงินจำนวนมหาศาลเป็นเงินทุน รวมถึงผู้ใช้ยังเสี่ยงต่อ ‘Impermanent loss’ หรือสูญเสียเงินทุนชั่วคราว และเกิด ‘Slippage’ หรือการคลาดเคลื่อนของราคาของจุดซื้อขายเมื่อตลาดเกิดความผันผวน
อีกความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของ Yield Farming คือความเสี่ยงสูงที่จะถูกแฮ็กและถูกฉ้อโกงเนื่องจากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นใน Smart Contract ของ Protocols ต่างๆ ซึ่งข้อบกพร่องหรือ Bugs ใน Coding เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Protocols ซึ่งต่างมีเรื่องของเวลาเป็นส่วนสำคัญ รวมถึงสัญญาและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับการตรวจสอบเพียงพอ หรือบางครั้งมีการคัดลอกมาจากสิ่งที่มีอยู่ก่อนหน้าหรือคัดลอกมาจากคู่แข่ง
และอย่างที่ทราบกันดีว่า DeFi Protocols ที่ทำงานบน Blockchain นั้นเป็นรูปแบบ Permissionless หรือทุกคนมีสิทธิ์ในการเข้าถึงเครือข่ายและข้อมูลได้อย่างอิสระ และต้องพึ่งพาหลายแอปพลิเคชันเพื่อให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้นหากมีแอปพลิเคชันใดที่ถูก Exploited หรือถูกโจมตีช่องโหว่จากแฮกเกอร์ หรือไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อ Ecosystem ทั้งหมดของแอปพลิเคชัน และยังส่งผลให้สูญเสียเงินทุนอย่างถาวรได้
นอกจากนี้ ด้วยธรรมชาติของ Blockchain ที่ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ จึงทำให้การสูญเสียใน DeFi ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างถาวรและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับคืนได้ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ผู้ที่ต้องการเข้ามาใช้งานควรทำความเข้าใจกับความเสี่ยงของ Yield Farming ให้ดีและควรมีการศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองก่อน
อนาคตของ Yield Farming จะเป็นอย่างไร?
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดการณ์อนาคตของ Yield Farming ได้อย่างแม่นยำ เพราะด้วยความที่เป็นพื้นที่ที่มีความผันผวนและมีความรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม มีความเห็นที่พบทั่วไปและค่อนข้างเห็นตรงกันว่าฟองสบู่มีแนวโน้มที่น่าจะแตกในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
นอกจากนี้ ระดับของการโฆษณาและความคาดหวังในปัจจุบัน อาจทำให้เครือข่ายเกิดความตึงเครียดมากเกินไป และทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่มาพร้อมกับความแออัด การปรับฐานราคาใดๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้ผู้ที่ทำ Yield Farming บางรายไม่สามารถชำระสินทรัพย์ของตนได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยรวมของ Yield Farming
อย่างไรก็ดี สำหรับปัจจุบันนี้ Yield Farming ยังคงเป็นแนวทางการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูง ที่อาจคุ้มค่า หากมีการศึกษาค้นความข้อมูลที่จำเป็นมากพอ รวมถึงมีการประเมินความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ