ก.ล.ต. ส่งเรื่องถึงอัยการ ฟ้อง บิทคับ ออนไลน์ และ 2 ผู้บริหาร ดื้อแพ่งไม่ยอมรับความผิด ฐานสร้างวอลุ่มเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub รวมทั้ง บริษัท LLC Fair Expo และ Mr. Mikalai ฐานสร้างวอลุ่มเทียมในศูนย์ซื้อขาย Satang
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บริษัทบิทคับ) (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย (นายอนุรักษ์) และ (3) นายสกลกรย์ สระกวี (นายสกลกรย์) กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัทบิทคับ โดยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ชำระเงินรวม 24,161,292 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลและกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บริษัทบิทคับ) (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย (นายอนุรักษ์) และ (3) นายสกลกรย์ สระกวี (นายสกลกรย์) กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัทบิทคับ โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต.
เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวม 24.16 ล้านบาท ห้ามนายอนุรักษ์และนายสกลกรย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นระยะเวลา 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 12 เดือน ตามข่าว ก.ล.ต.* ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 นั้น แต่เนื่องจากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จึงพิจารณาได้ว่า ผู้กระทำความผิดดังกล่าวไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต.
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมทั้งสิ้น 24.16 ล้านบาท กำหนดห้ามนายอนุรักษ์และนายสกลกรย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยให้นายสกลกรย์ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบริษัทบิทคับอย่างลูกหนี้ร่วม
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง กับผู้กระทำความผิด 2 ราย ได้แก่ (1) บริษัท LLC Fair Expo (2) Mr. Mikalai Zahorski (Mr. Mikalai) กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Satang Pro (ศูนย์ซื้อขาย Satang) ของบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทสตางค์)
โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต.
เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 12.08 0ล้านบาท ห้ามบริษัท LLC Fair Expo และ Mr. Mikalai ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นระยะเวลา 6 เดือน และห้าม Mr. Mikalai เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 12 เดือน ตามข่าว ก.ล.ต.* ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 แต่เนื่องจากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จึงพิจารณาได้ว่า ผู้กระทำความผิดดังกล่าวไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต.
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมทั้งสิ้น 12.08 ล้านบาท กำหนดห้าม Mr. Mikalai ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยให้ Mr. Mikalai ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบริษัท LLC Fair Expo อย่างลูกหนี้ร่วม