ปริมาณการซื้อขาย NFT รายเดือน แตะระดับสูงสุดที่ 6 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคม ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปริมาณการซื้อขายโทเค็น NFT (Non Fungible Token) รายเดือนในเดือนมกราคม แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.13 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ The Block Data Dashboard
ปริมาณการซื้อขาย NFT รายเดือน เพิ่มขึ้น 129% ในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากคู่แข่งรายล่าสุดในตลาดซื้อขาย NFT ที่เรียกว่า LookRare ซึ่งมีปริมาณซื้อขายเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากเปิดตัวในวันที่ 10 มกราคม
LookRare กำลังคุกคาม OpenSea ซึ่งเป็นตลาด NFT ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นเจ้าของปริมาณการซื้อขายประมาณ 90% เนื่องจากโทเค็น LOOKS ที่ผู้ใช้จะได้รับเมื่อทำการซื้อหรือขาย NFT บนแพลตฟอร์ม และยังสามารถรับรางวัลเพิ่มเติมได้โดยการนำไป Stake บนแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม Block Research ตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณการซื้อขายของ LooksRare ส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อขายแบบ wash trading
นอกเหนือจากตลาด NFT ที่ใช้ Ethereum แล้ว ยอดขาย NFT ทั้งหมดบน Solana ก็ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ในปริมาณในเดือนมกราคมเช่นกัน
Katalyst Blog ในเครือธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จุดแข็งที่ชัดเจนของ NFT คือ ศักยภาพ และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการแปลงสินทรัพย์ทางกายภาพให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการซื้อขายโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ทุกรูปแบบสามารถขายผลงานของตนเองได้ในวงกว้าง ในขณะเดียวกัน นักสะสมก็สามารถเข้าถึงผลงานศิลปะทั่วโลก โดยที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเชื่อมต่อกันได้โดยตรง
ความสนใจในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมา ยังได้นำไปสู่การสร้างแพลตฟอร์มตลาดกลาง เช่น OpenSea, Rarible, Mintable ที่ทำให้ศิลปินได้ใช้ประโยชน์จากการสร้างผลงานและประมูลขายงานศิลปะดิจิทัล ซึ่งอาจเป็นโอกาสทองในการทำเงินก้อนใหญ่ เหมือนที่เราได้เห็นตามข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่า มีนักสะสม และนักลงทุนบางรายยอมทุ่มเงินประมูลหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ใน NFT ที่จับต้องไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถนำ NFT ที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรมาประมูลขายต่อได้ และโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของต่อให้กับอีกคนหนึ่งได้ ในขณะที่ศิลปินก็ยังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพที่เกี่ยวข้องกับเหรียญ NFT นั้นอยู่ จึงมีสิทธิ์ได้รับค่าลิขสิทธิ์ในทุกครั้งที่มีการขายเหรียญนั้นต่อให้กับคนอื่นด้วย
ด้วยจุดเด่น และข้อดีที่แต่ละฝ่ายมีโอกาสได้รับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาด NFT จะเริ่มเป็นที่นิยม และได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มศิลปิน นักสะสม นักลงทุน และคนดังในวงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าโอกาส และแนวโน้มการพัฒนาของ NFT ในอนาคตจะดูน่าตื่นเต้น แต่นักลงทุนควรตระหนักไว้เสมอว่า การลงทุนใน NFT มีความเสี่ยงและควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ หากยังไม่แน่ใจในสถานการณ์ความผันผวนของมูลค่า NFT ว่า เป็นเพียงกระแสชั่วคราว หรือเป็นภาวะฟองสบู่ที่ใกล้จะแตกหรือไม่ ให้รออีกสักพักจนกว่าจะเห็นว่า ตลาดนั้นเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพ
เพราะปัจจุบันยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า NFT จะสามารถพัฒนาไปสู่ตลาดที่มีมูลค่ามากกว่าล้านล้านเหรียญ เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมได้หรือไม่ คงมีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่อย่างน้อยที่สุดการเติบโต และพัฒนาแบบก้าวกระโดดของ NFT ก็ถือเป็นเทรนด์สำคัญของยุคที่ควรค่าแก่การจับตามองอย่างใกล้ชิด