Binance TH ลั่นกลองรบ!! บุกตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เร่งพัฒนาเทคโนโลยี สร้างEcosystem Blockchain และ Web3 ให้แข็งแกร่ง ชูจุดขายกว่า 120 คู่เหรียญ มากที่สุดในไทย มั่นใจขึ้นแท่นแชมป์ใน 2 ปี ทั้งปริมาณมูลค่าการซื้อขาย และจำนวนยอดบัญชีผู้ใช้ พร้อมเติมความรู้ปูพรมนักลงทุน ประเดิมลูกค่า AIS ปักธงเป้าหมายใหญ่ผลักดันคริปโต-บล็อกเชนไทยสู่ระดับโลก
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด(Gulf Binance) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย Binance TH ขึ้นเป็นอันดับ 1 แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและ คริปโทเคอเรนซีในประเทศไทย ภายในปี 2568 โดยจะเป็นแพลตฟอร์มที่มี Trading Volume และจำนวนผู้ใช้มากที่สุด โดยมาจากการเร่งบุกตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างระบบนิเวศ Blockchain และ Web3 ให้แข็งแกร่ง และการให้ความรู้ พร้อมกับความร่วมมือจากองค์กร และหน่วยงานภาครัฐต่างๆในการขับเคลื่อนธุรกิจ
Binance TH จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้เลือกมากกว่า120 คู่เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนการให้บริการคู่เหรียญที่มากที่สุดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาทกับสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
บริษัทยังเล็งเห็นการตอบรับเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการ Adoption ของคริปโทเคอเรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นอันดับ 10 ของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของมูลค่าทั้งหมด และการเข้ามาของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด นับเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับแก่ผู้คนในวงกว้างยิ่งขึ้น
Binance TH ได้วางแผนงานมุ่งใช้นวัตกรรมเป็นหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ ยกระดับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยการนำเสนอคู่เหรียญที่มีความหลากหลายและฟีเจอร์การใช้งานที่ล้ำสมัย รวมถึงการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ผ่านโครงการด้านการศึกษาที่เน้นผู้ใช้งานเป็นสำคัญ และสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินงานที่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอย่างเคร่งครัด
“Binance TH ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์สินทรัพย์ดิจิทัลในไทยนับตั้งแต่วันแรกที่ได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Binance TH เราได้มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการควบคู่ไปกับการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ และความร่วมมือระหว่างกันยังสามารถต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ซึ่ง GULF สามารถดึง AIS มาช่วยต่อยอดและส่งเสริมและให้ความรู้การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยได้ด้วย” นายนิรันด์กล่าว
นายริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance กล่าวว่า หลังจากการเปิดตัวไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป้าหมายหลักของ กัลฟ์ ไบแนนซ์ คือการขึ้นเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทยประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล. ประเทศไทยมีอัตราการยอมรับให้เกิดการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 10% รวมถึงคนไทยมีความเชียวชาญทางเทคโนโลยี สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมองว่า การเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล 5 ปีจากนี้ จะรวดเร็วยิ่งกว่า 5 ปี ที่ผ่านมา
"บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างและเข้าไปมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้เพื่อ ต่อ ยอดความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์อันหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน เราส่งเสริมการเติบโตของคอมมูนิตีสินทรัพย์ดิจิตัลในประเทศไทยอย่างจริงจัง ผ่านการให้ข้อมูลและการเพิ่มทักษะการใช้งานคริปโต เพื่อเตรียมสังคมให้พร้อมสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนแห่งอนาคต สิ่งที่เป็นความท้าทายในธุรกิจสินทรัพย์ดืจิตัลนั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ กฎเกณฑ์ข้อบังคับ และความรู้ความเข้าใจเป็นความท้าทายที่สำคัญ แต่เราก็ได้เห็นการพัฒนาในส่วนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างในยุโรปและตะวันออกกลาง ที่เราได้รับใบอนุญาตในหลายๆประเทศแล้ว ไบแนนซ์ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและเข้าใจถึงกรอบกฎหมายของแต่ละประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ บริษัทมีการติดต่อและร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานบังคับกฎหมายในระดับโลก และมีการตรวจสอบนโยบายของเราอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ปฏิบัติตามกฎหมายในทุกประเทศที่เราให้บริการ อีกทั้งศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละประเทศเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุด"