Crypto

ส่องธุรกิจบันเทิงเชื่อมต่อโลกสินทรัพย์ดิจิทัล! เส้นทางปั้นมูลค่าเพิ่มผ่าน `ศิลปินไทย-เทศ`
10 ก.พ. 2565

การมาของเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยปลดล็อกศักยภาพในการสร้างมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในสิ่งต่างๆออกมาได้ เราจึงเห็นวงการบันเทิงค่ายเพลงต่างๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ  เปิดตัวเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตัลกันคึกคัก

 

เพราะกลุ่มอุตสาหกรรมบันเทิง มีมูลค่าสูงจากทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ลิขสิทธิ์ (Copyright) รวมถึงเรื่องราวต่างๆของศิลปินที่เป็นโมเม้นท์สำคัญ อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่า Network Effect ยังสอดคล้องกับเครือข่ายของแฟนคลับของศิลปิน ดาราและค่ายเพลง การนำคุณสมบัติของเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาร่วมสร้าง Music NFT จึงเป็นที่มาให้บริษัทธุรกิจบันเทิงเข้ามาเชื่อมโลกสินทรัพย์ดิจิทัลกัน 

 

สำหรับบริษัทบันเทิงที่ได้ประกาศตัวเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิตัล ตามมาดูกัน…

 

เริ่มจากรายใหญ่อย่าง Binance จับมือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับ  YG Entertainment บริษัทชั้นนำด้านความบันเทิงในเกาหลีใต้  ต้นสังกัด Blackpink และ Big Bang เตรียมทำโปรเจกต์  NFT (Non-Fungible Tokens), Metaverse และเกม NFTร่วมกัน โดย Binance จะดูแลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี ส่วน YG จะดูแลคอนเทนต์สำหรับ NFT และเกม NFT พร้อมกับแก้ปมร้อน NFT ที่จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ด้วยการทำ NFT รันบนเชน Binance NFT ที่ใช้ระบบ Proof of Staked Authority (PoSA) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า และใช้พลังงานคุ้มค่ากว่าระบบอื่น เช่น Bitcoin ที่ใช้ระบบ Proof of Work  ส่วนงาน NFT ที่กำลังสร้างจะออกมาในรูปแบบไหน คงต้องติดตามกันต่อไป

 

ต่อมา อีกค่ายดังเกาหลี Hybe Co. ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลศิลปินวงบอยแบนด์ชื่อดัง BTS ประกาศทำธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับ NFT เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยร่วมมือกับ  Dunamu บริษัทตลาดเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี  เพื่อสร้างแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการขายและแลกเปลี่ยน NFT โดยเริ่มจากการ์ดภาพถ่ายของศิลปินในสังกัด Hybe อย่าง BTS และศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน บีเบอร์  โดยการลงทุนใน NFT นี้จะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และอาจขยายไปร่วมมือกับการแสดงดนตรีต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัทอื่น หรืออาจจะขยายไปสู่แวดวงกีฬาเลยก็เป็นได้

 

โฟโต้การ์ดของ BTS เป็นสินค้ายอดนิยมที่มีเหล่าแฟนๆ มากมายมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนและซื้อการ์ดของวงที่ออกใหม่ ซึ่งการทำออกมาในรูปแบบ NFT จะมีการระบุโค้ดของการ์ดดิจิทัลแต่ละใบด้วยโค้ดที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งทำให้มีความลิมิเต็ด หายาก และเกิดความขาดแคลนในโลกเสมือนจริง ซึ่งส่งผลให้ราคาของการ์ดนั้นๆ พุ่งสูงขึ้นไปอีกด้วย เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากการ์ดสะสมในวงการกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับเป็นเจ้าแรกๆ ที่ประกาศว่าจะเข้าสู่วงการ NFT 

 

มาที่บริษัทบันเทิงไทย บมจ. อาร์เอส  หรือ RS เปิดตัว “Popcoin Token” ดิจิทัลโทเคนประเภท Utility Token ที่มีธุรกิจของ RS เป็นสินทรัพย์อ้างอิง  โดยนำจุดแข็งของบริษัท คือ ศิลปิน นักร้อง นักแสดงในสังกัด และสื่อที่มีอยู่ในมือมากมาย ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ มาเป็นเครื่องมือรุกเจาะตลาดคอมเมิร์ซ  ด้านผู้ถือเหรีญ Popcoin สามารถนำเหรียญมาแลกสินค้า ของที่ระลึก ของสะสม หรือรับชมคอนเทนท์ และเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น ช่วยทำบรรดาแฟนคลับได้ใกล้ชิดกับศิลปินดาราที่ชื่นชอบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถฝากเหรียญไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อรับผลตอบแทน 

 

ทั้งนี้ ผลตอบแทนมาจากการหักส่วนแบ่งจากคนที่แลกสิทธิผ่าน Popcoin Application ซึ่งระบบจะหักไว้ 5% ที่สำคัญนักลงทุนสามารถนำเหรียญ Popcoin มาซื้อขายแลกแปลี่ยนบนแพลตฟอร์มของ Bitkub สำหรับปัจจุบัน ผู้ถือเหรียญ Popcoin มีจำนวนมากกว่า 5 แสนราย หลังเปิดตัวไปเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายทะลุ 1 ล้านราย ภายในเดือนก.พ. นี้  

ขณะเดียวกัน RS ยังเปิดกว้างให้แบรนด์สินค้าต่างๆ สามารถนำ Popcoin ไปใช้ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้เช่นกัน ถือว่า “win-win” ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ RS จะมีถังข้อมูลของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็น Big Data สำคัญ สามารถนำมาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด


ฝั่งบมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ หรือ GRAMMY ประกาศเข้าสู่ธุรกิจ NFT โดยจะแปลงสินทรัพย์ที่มีความเฉพาะตัว เช่น เพลง มิวสิควีดิโอ ภาพยนตร์ ผลงานศิลปะ ภาพถ่าย การ์ตูน เกม ฯลฯ มาอยู่ในรูปโทเคนดิจิทัล ซึ่ง NFT สามารถนำไปขายต่อหรือเปิดประมูลได้ โดย GRAMMY ได้ประกาศความร่วมมือกับ 4 แพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ 

-Bitkub ซึ่งวางกลยุทธ์สำหรับสินค้าในแพลตฟอร์มนี้ให้เป็นเรื่องของ Young Artist ที่มี Digital Mindset มีความครีเอทีฟ ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่

-Zipmex เน้นเรื่อง Campaign Innovation การสร้างคอมมูนิตี้จัด Virtual fan meet และ Global Connector ดึงดูดกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก

-Coral เน้นกลยุทธ์ Mass Inventory Collection เป็นสินค้าของศิลปินที่เป็นขวัญใจมหาชน 

-East NFT จะเป็นชิ้นงานประวัติศาสตร์ของศิลปินชื่อดังระดับตำนาน มีเพียงชิ้นเดียวในโลก 

การเจาะตลาด NFT ของ  GRAMMY จะเป็นอีกช่องทางสร้างรายได้ในยุคดิจิทัล เรียกได้ว่าคว้าทุกแพลตฟอร์มดิจิตัลที่ฮ็อตสุดในเวลานี้เพื่อสร้างโลกใหม่ไปด้วยกัน


ส่วนบมจ.  เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) ร่วมทุนกับ เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ตั้งบริษัทร่วมทุน “ทีป๊อป อินคอร์ปอเรชั่น” ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชั่น “T-POP” เพื่อเป็นสื่อกลางในการนำเสนอผลงานของศิลปินไทยออกสู่เวทีสากล  โดยแอป T-POP เป็นการเชื่อมโลกของศิลปินไทยและแฟนคลับจากทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว  เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับศิลปินคนโปรดแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ผสานเข้ากับฟังก์ชั่นในด้านเทคโนโลยีทางการเงินที่จัดเตรียมขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน เป็นประตูสู่การเข้าถึงผลงาน และติดตามข่าวสารต่าง ๆ เพิ่มช่องทางแก่ศิลปินไทยให้สามารถสร้างรายได้จากผลงานได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ที่สำคัญเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ในการสนับสนุนผลงานแก่เหล่าแฟนคลับจากทั่วทุกมุมโลก
     

สำหรับบมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN จับมือกับ EAST NFT เปิดตัว NFT คอลเลคชั่นแรก ด้วยรูปภาพของคุณแอน จักรพงศ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ในฐานะซีอีโอข้ามเพศที่ได้รับการยอมรับระดับโลกจำนวน 20 รูป ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบได้สะสม และยังเป็นการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนและความหลากหลายทางเพศ ขณะที่EAST NFT ของ “กึ้ง” เฉลิมชัย มหากิจศิริ  เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมดิจิทัลชั้นนำของโลก ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการนำเสนอของสะสมดิจิทัลที่มีมูลค่าแบรนด์ไทย ศิลปินไทย ให้ออกไปสู่สายตาชาวโลก

 

ทั้งนี้ เจเคเอ็น ยังเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ชื่อดังทั้งของไทยและต่างประเทศ ทำให้สามารถต่อยอด NFT ในแบบอื่นๆ อีกมากมายจากลิขสิทธิ์งานบันเทิง

 

มาดู“ธุรกิจโรงหนัง” รายใหญ่หนีไม่พ้น บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ก็เชื่อมสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน  โดย “โรงหนังเอส เอฟ” ร่วมกับ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด  เปิดให้ใช้เหรียญ “เจฟิน” มาแลกซื้อตั๋วหนัง และสินค้า บริการต่างๆ บนแอพพลิเคชั่นของเอสเอฟ เพื่อตอบรับการใช้ดิจิทัลเคอร์เรนซีที่กำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้และมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต และช่วยลดการสัมผัส เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ส่วนโรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  จับมือกับซิปเม็กซ์  รับแลกตั๋วหนังด้วยสกุลเงินดิจิทัลผ่านแอปของแรพิดซ์ เริ่มให้บริการที่โรงหนังเมเจอร์ฯ รัชโยธิน 

 

สำหรับในระยะข้างหน้า แนวโน้มธุรกิจบันเทิงเชื่อมโลกสู่สินทรัพย์ดิจิทัล หากจับทางถูกโหนกระแสตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตร้อนแรง ก็มีโอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเติบโตก้าวกระโดดไปด้วยกัน

 


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com