บทความ บทบาทหน้าที่ของ ก.ล.ต. ต่อการออกและเสนอขายหุ้น IPO ของภาคเอกชน โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
การออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน (IPO) ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงตลาดทุน โดยการระดมทุนจากภาคประชาชน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดกรองคุณภาพของบริษัทที่จะ IPO เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน เช่น การกำหนดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน และที่ปรึกษากฎหมาย ในการให้ความเห็นและตรวจเช็คความพร้อมของบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน
ในส่วนของ ก.ล.ต. มีบทบาทหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งจะพิจารณาทั้งเกณฑ์ด้านคุณสมบัติเชิงคุณภาพและความครบถ้วนของการเปิดเผยข้อมูล โดยเกณฑ์เชิงคุณภาพจะพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ เช่น โครงสร้างการถือหุ้นมีความชัดเจนเป็นธรรม กลไกการบริหารจัดการสามารถรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น กรรมการและผู้บริหารมีคุณสมบัติเหมาะสมและไม่ขาดความน่าไว้วางใจ งบการเงินจัดทำถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและมีความน่าเชื่อถือ ตลอดจนมีระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมเพียงพอ เป็นต้น ส่วนการเปิดเผยข้อมูลในแบบ filing เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจลักษณะการประกอบธุรกิจ แผนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงาน การกำกับดูแลกิจการ ปัจจัยความเสี่ยงของกิจการ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับใช้ประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนในบริษัทที่จะเสนอขายหุ้น IPO
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง IPO เนื่องจากลักษณะการประกอบธุรกิจหรือฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอาจแตกต่างไปจากข้อมูลในช่วงที่เสนอขาย IPO ผู้ลงทุนจึงควรจะต้องติดตามการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน เช่น ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย งบการเงิน หรือแบบ 56-1 One report เป็นต้น อย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ เนื่องจากบริษัทที่เสนอขายหุ้น IPO ต่อประชาชน มักจะนำหุ้นไปขอจดทะเบียนเพื่อซื้อขายใน ตลาดรอง จึงจะต้องยื่นขอจดทะเบียนเป็น “หลักทรัพย์จดทะเบียน” ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทดังกล่าว ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) เช่น การกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของทุนชำระแล้ว ฐานะการเงิน สภาพคล่อง และผลการดำเนินงาน เป็นต้น รวมทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) อื่น ๆ เช่น การดำเนินงานอยู่ภายใต้กลุ่มกรรมการผู้บริหารเดียวกันไม่น้อยกว่า 1 ปี (same management) การกำกับดูแลกิจการ และระบบการควบคุมภายใน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการกำกับดูแลบริษัทที่จะเสนอขายหุ้น IPO และบริษัทจดทะเบียน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการประสานงานและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับการกำกับดูแลในเรื่องดังกล่าวทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ลงทุนและตลาดทุนโดย รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นและความมีเสถียรภาพของตลาดทุน อันจะทำให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป