- หลักการลงทุนของหยงในปัจจุบัน จะเน้นเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ราคายังไม่แพงมาก โดยเป็นหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้นอย่างน้อย 25 – 50% จากนั้นค่อย ๆ แบ่งไม้ซื้อหุ้นเพิ่มไปเรื่อย ๆ เน้นถือยาว และใช้ความอดทนในการลงทุน
- การปั้นพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในความหมายของหยง คือ การมีวินัยและสามารถถือลงทุนในระยะยาวได้
- กฎเหล็กของหยงที่ไม่สมควรทำเมื่อพอร์ตลงทุนเกิดความเสียหายหนัก นั่นคือ ห้ามนำเงินจากข้างนอก เช่น เงินกู้ยืม เงินเก็บออม เข้ามาเติมในพอร์ตลงทุนที่กำลังเสียหาย เพราะเมื่อผิดพลาดอีกอาจเสียหายหนักมากกว่าเดิม
/////////////////
ณ วันเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น “หยง” ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ หรือรู้จักกันดีในชื่อ “หยงเกิดมาเทรด” เขายอมรับว่าเข้ามาแบบไม่มีความรู้ ซื้อมั่ว ๆ และขายมั่ว ๆ จนขาดทุนเกือบหมดตัวและต้องไปยืมเงินคุณแม่เพื่อมาเทรดเพิ่ม
ด้วยเงินลงทุนตั้งต้นในตลาดหุ้นไทยเพียง 850,000 บาท วันนี้ หยงกลายเป็นนักลงทุนเต็มตัว (Full Time Trader) ด้วยพอร์ตลงทุนแตะระดับหลายร้อยล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับหยง ในฐานะเทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่เขากล่าวว่า “การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไม่มีสูตรตายตัว การดูกราฟเทคนิคเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมอง Story และปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น ๆ ประกอบด้วย”
หลักการลงทุนของหยงในปัจจุบัน เขาจะเน้นเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ราคายังไม่แพงมาก และพยายามค่อย ๆ ซื้อหุ้นเพิ่มไปเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่อึดอัด เพราะต้องการเห็นหุ้นที่ซื้อแล้วราคาวิ่งขึ้นเลย แต่การเลือกหุ้นที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป และสุดท้ายเมื่อมีข่าวดี ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนก็จะขับเคลื่อนให้ราคาขยับขึ้น ขอเพียงมีความอดทนในการลงทุน
“ในแต่ละรอบจะลงทุนหุ้น 4 – 5 ตัว และจะเน้นการถือยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้พอร์ตลงทุนเติบโตได้ดี ความหมายของการทนถือได้นานนั้นไม่ใช้ว่าจะหลับหูหลับตาดูกราฟแล้วถือไปนาน ๆ แล้วหวังว่าราคาจะปรับขึ้น และไม่ใช่ว่าเห็นกำไร 20% แล้วขายออกทันที ถ้าทำแบบนั้นจะไม่สามารถสร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้” (หยง ให้สัมภาษณ์รายการ TNN WEATLH เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564)
การปั้นพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในความหมายของหยง คือ การมีวินัยและสามารถถือลงทุนในระยะยาวได้ “การสร้างกำไรคำใหญ่ ควรถือได้นานพอสมควร สิ่งที่ต้องทำ คือ นักลงทุนต้องหาหุ้นที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งจะทำให้สามารถถือหุ้นได้นานขึ้น”
นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถลงทุนหุ้นได้ตามแผนที่วางไว้ หยงจะมองหาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้น (Upside) อย่างน้อย 25 – 50% จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์การแบ่งไม้ซื้อ (เป็นการวางแผนการเทรดล่วงหน้าว่าจะซื้อหุ้นตัวใด เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของพอร์ตลงทุน และจะแบ่งเงินไปซื้อหุ้นตัวนั้นกี่ครั้ง ที่ระดับราคาเท่าไหร่)
“เมื่อราคาปรับขึ้นไป ก็ล็อคกำไรบางส่วน เพื่อให้สามารถถือหุ้นที่เหลือได้ตามแผน พยายามดูกราฟให้น้อยลง เพิ่มข้อมูลด้านปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นเทคนิคที่นักลงทุนสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้” หยงเล่า (หยง ให้สัมภาษณ์รายการ TNN WEATLH เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564)
ทุกวันนี้ หยงใช้วิธีการเลือกหุ้นทั้งดูกราฟและปัจจัยพื้นฐานประกอบกัน เช่น หากเจอหุ้นที่มี ROE 13 – 20% ก็จะวิเคราะห์ต่อว่าตัวเลขสูง ๆ นั้น มาจากอะไร นอกจากนี้ ยังเข้าไปดู Business Model ฟังมุมมองจากผู้บริหาร เอาใจใส่ในกิจการที่จะเข้าไปลงทุน รู้ลักษณะกิจการ ขั้นตอนการผลิต ลูกค้า คู่ค้า จุดเด่นจุดด้อย งบการเงิน ผู้ถือหุ้น แผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต เป็นต้น เพราะการลงทุนในหุ้นมีหลากหลายสไตล์ เช่น หุ้นบางตัวต้องเน้นเทรดดิ้ง บางตัวต้องเล่นรอบตามโมเมนตั้ม และบางตัวต้องถือลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นต้น
“แต่ไม่ว่าจะซื้อหุ้นด้วยเหตุผลอะไร อย่ามองหาแค่กระแสเงินสด ให้มองหาความมั่งคั่ง (Wealth) ออกแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเองและใช้เงินลงทุนที่เย็นพอ มีวินัยและฝึกลงทุนระยะยาว ขายออกเท่าที่จำเป็น ถ้าทำได้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ” หยงบอก
จากประสบการณ์การลงทุน หยงยึดมั่นกับกฎเหล็กที่ไม่สมควรทำเมื่อพอร์ตลงทุนเกิดความเสียหายหนัก นั่นคือ ห้ามนำเงินจากข้างนอก (เงินกู้ยืม เงินเก็บออม) เข้ามาเติมในพอร์ตลงทุนที่กำลังเสียหาย เพราะหากนำเงินมาเติมแล้วเกิดความผิดพลาดก็ส่งผลให้พอร์ตลงทุนเสียหายหนักมากกว่าเดิม
และเมื่อพอร์ตลงทุนเสียหาย หยงแก้ปัญหาด้วยการเริ่มขายหุ้นออกมาบางส่วนประมาณ 10 - 20% ของเงินลงทุนในหุ้นตัวนั้น เช่น ซื้อหุ้นด้วยต้นทุน 10 บาท จำนวน 1 แสนหุ้น แต่ปัจจุบันราคาหุ้นปรับลดลงมาเหลือ 3 บาท
“กรณีเช่นนี้ อาจขายหุ้นออกมาราว 2 หมื่นหุ้น เพื่อช่วยลดแรงกดดันของตัวเอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าปลดวาล์วให้เกิดความผ่อนคลายมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อดึงเงินสดออกมาแล้วนำไปซื้อหุ้นปันผล หากเลือกหุ้นถูกตัวก็จะเพิ่มเงินลงทุนไปเรื่อย ๆ ทยอยปรับพอร์ตลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับมาดีขึ้น” (หยง ให้สัมภาษณ์ อินโฟเควสท์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563)
เป็นระยะเวลาเกือบ 12 ปี ที่หยงโลดแล่นในฐานะ Full Time Trader และจากประสบการณ์เขาแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่าสิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ คือ การมีวินัยด้วยการกำหนดจุดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อให้สามารถรักษาเงินทุนไว้
“ต้องรู้ว่าถ้าลงทุนแล้วผิดทางจะขาดทุนเท่าไหร่ อยากให้มองว่า Stop Loss ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการดึงสภาพคล่องให้กลับมา” ข้อถัดมา ไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ตามควรพยายามหาความได้เปรียบในการลงทุน เช่น หากทุกคนมีสไตล์เทรดดิ้งและตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็ต้องหาทางสร้างความได้เปรียบ ด้วยกลยุทธ์แบ่งไม้ซื้อและค่อย ๆ ซื้อด้วยเงินเย็น
หยงประเมินว่าหลังจากผ่านพ้นวิกฤติ COVID-19 มีโอกาสเห็นหุ้นบางตัวที่ราคาขยับขึ้นไปได้สูง แต่เขายอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสจากราคาที่ขยับขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่สูงในการบริหารความเสี่ยง เช่น ถ้ามองว่าหุ้นตัวนั้นดีแล้วตัดสินใจเข้าซื้อครั้งเดียวในจำนวนหุ้นมาก ๆ เพราะมั่นใจว่าราคาหุ้นต้องปรับขึ้นต่อ แต่เมื่อราคาปรับลดลงแรง อาจทำอะไรไม่ถูก เป็นสิ่งสะท้อนถึงการบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดี ดังนั้น หากต้องการลงทุนด้วยตัวเองควรเริ่มต้นจากเงินก้อนเล็ก ๆ เพื่อสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีและมีประสิทธิภาพ (หยง ให้สัมภาษณ์ อินโฟเควสท์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563)
“ทุกครั้งที่ซื้อหรือขาย ให้พิจารณาที่ความเสี่ยงก่อนคิดเรื่องกำไร วิธีการค้นพบตัวเองให้เร็วที่สุด คือ การจดบันทึก ฝึกฝน เพราะความสำเร็จขึ้นอยู่กับตัวเรา” หยง กล่าวสรุป
โดย โสภา ฉันทารุมัย เจ้าของเพจ MONEY Station
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
----------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1