บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์ ออนไลน์ และมัทสึคิโยะ โชว์ความสำเร็จตลอด 28 ปี ตอกย้ำภาพผู้นำธุรกิจค้าปลีกกลุ่มฟู้ดในประเทศไทยเปิดผลประกอบการครึ่งปี 2567 มีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยงบลงทุนปี 2567 จำนวน 1.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ T-O-P-S ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail”ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยจำนวนสาขารวมกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี 2570
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 28 ปี ที่บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับหนึ่งในใจคนไทยอย่าง ‘ท็อปส์’ได้ขับเคลื่อนธุรกิจ ฟู้ดรีเทลบนเส้นทางแห่งความสำเร็จเคียงข้างสังคมไทย โดยยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย ด้วยเป้าหมายการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการ จนสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภค และครองความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกกลุ่มฟู้ดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
สำหรับไฮไลต์ความสำเร็จที่ผ่านมาที่สะท้อนบทบาทผู้นำของธุรกิจ อาทิ ผู้นำเทรนด์ตลาดค้าปลีกกลุ่มฟู้ดรูปแบบใหม่ๆ และการจำหน่ายสินค้านำเข้าภายใต้เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ (First-in & Exclusive),ผู้นำด้านการ เฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่ครบครันที่สุด ผ่านการคัดสรรอย่างดีทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 50,000 รายการ (Truly World-Class), ผู้นำด้านการพัฒนารูปแบบร้านในหลากหลายโมเดลและช่องทางการจำหน่าย (Omni-Channel Excellence) และยังเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรายแรกของเมืองไทยที่พัฒนาระบบลอยัลตี้โปรแกรม (First Loyalty Program in Thailand) เพื่อเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าและนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้อย่างตรงใจ
จากศักยภาพแห่งความเป็นผู้นำรอบด้าน ส่งผลให้เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ประสบความสำเร็จการเติบโตของธุรกิจและองค์กรอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านความสำเร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งมีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกันได้เดินหน้าขยายสาขาในแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในสิ้นปีนี้ ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ มากกว่า 10 สาขา และ มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา อีกทั้งยังวางแผนขยายและ อัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี
และในปีที่ผ่านมา ยังได้มีการรีแบรนด์และปรับโฉมโมเดล ท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ทั่วประเทศโดยออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ภายใต้แนวคิด Joy-venience Store นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยท็อปส์ ออนไลน์ สร้างความพึงพอใจจากลูกค้าหลังใช้บริการเพิ่มขึ้น ขณะที่ ท็อปส์ ไพร์ม ยังคงเดินหน้ามอบสิทธิพิเศษและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคนสำคัญ พร้อมส่วนลดที่มากกว่าจากการซื้อสินค้าออนไลน์และรับคะแนนสะสมคูณสองเท่าสำหรับทุกคำสั่งซื้อสำหรับสมาชิก The1หรือรับของสมนาคุณพิเศษและส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อซื้อสินค้าผ่านสาขาทั่วไป
“เราวางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2567 -2570) เราตั้งเป้าสร้างธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) เพิ่อมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยสาขามากกว่า 1,000แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570 และเพื่อตอกย้ำการเติบโตของธุรกิจในทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคง ท็อปส์ ได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” พร้อมวางแผนการลงทุนในปี 2567 ด้วยเม็ดเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ผ่าน 4 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ หรือ T-O-P-S ได้แก่
T - Truly World Class: เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าและแตกต่าง ด้วยสินค้าคุณภาพ คัดสรรอย่างดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก มากกว่า 210 แบรนด์มารวมไว้ในที่เดียว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพ พร้อมกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ให้ลูกค้าได้ค้นพบประสบการณ์การซื้อสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้ในที่เดียวที่ท็อปส์
O- Omni-Channel: ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ แบบ Whenever, Wherever ผ่านช่องทางออมนิแชแนลที่เหนือระดับ สะดวก ครบ จบได้ในทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล เชื่อมต่อทั้งช่องทางการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอรีรายใหญ่ของประเทศ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น
P - Pleasure: การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs) คุณภาพดี มีให้เลือกหลากชนิด, ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น, ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ พร้อมกันนี้ ยังวางกลยุทธ์สร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยบริการชั้นเลิศในรูปแบบ Yes! Topster ส่งต่อมาตรฐานการบริการที่เหนือระดับ
S- Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนให้คู่ค้าและลูกค้าคนสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้โลกน่าอยู่และยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์ “ReNEW” ของเซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสะท้อนปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ“CRC Care” โดยวางแผนงาน 12 Journeys to Net Zeroเพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 28 ปี ท็อปส์ ได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษเพื่อแทนคำขอบคุณไปยังเพื่อนร่วมเดินทางตลอด 28 ปีของท็อปส์ ได้แก่ ลูกค้าคนสำคัญ พนักงาน พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และชุมชน ภายใต้แนวคิด “Infinite Happiness เติมพลังสุขไม่สิ้นสุดได้ทุกวัน” ส่งมอบความคุ้มค่าด้วยแคมเปญ “สติกเกอร์ แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” สำหรับลูกค้าสมาชิก The1 เพียงซื้อสินค้าครบตามที่กำหนดรับสติกเกอร์ส่วนลดทันทีสูงสุด 20% ติดสติกเกอร์บนสินค้าที่ต้องการ รับส่วนลดแบบที่ตนเลือกได้เองทันที สะสมสติกเกอร์ได้ง่ายๆ เพียงซื้อสินค้าครบ 300 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสด 10% 1แผ่น หรือซื้อสินค้าครบ 800 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสด 15% 1 แผ่น หรือซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสด 20% 1 แผ่น ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม – 10กันยายน 2567 ที่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ และ ท็อปส์ เดลี่ ทุกสาขาทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ ยังจัดเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ ครั้งแรก! กับการเปิดตัว “ท็อปสเตอร์” (Topster) มาสคอตแรกของท็อปส์ ที่จะมาร่วมเป็นตัวแทนส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษนี้
“ความสำเร็จในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าท็อปส์เป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคและสังคมไทย โดยความสำเร็จนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตร พนักงานทุกคน ที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ด้วยเป้าหมายเดียวกัน ตลอดจนลูกค้าที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ท็อปส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสานต่อภารกิจการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน ให้สมกับความเป็นผู้นำแห่งธุรกิจฟู้ดค้าปลีกที่ยึดครองใจผู้บริโภค เพื่อมุ่งสู่การเป็น “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” นายสเตฟาน กล่าวสรุป