ผู้ถือหุ้น บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ลงมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.28 บ./หุ้น สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขึ้น XD วันที่ 3 พ.ค. 67 ซีอีโอ “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” เผยปี 67 ตั้งเป้ายอดขายก๊าซ LPG แตะที่ระดับ 820,000 ตัน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ เตรียมทุ่มงบกว่า 600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งขยายไลน์ธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ Green Energy รับเมกะเทรนด์
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 23 เมษายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม 2566) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.28 บาท/หุ้น สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567
“ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นในการบริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้มีผลงานที่เติบโต และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และให้ความเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด และในปี 2567 เชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ก๊าซ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น” นางสาวชมกมลกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้แตะที่ระดับ 18,250 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากยอดขายก๊าซ LPG ที่คาดว่าแตะที่ 820,000 ตันสร้างสถิติสูงสุดใหม่ แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก จำนวน 30,000 ตัน
ส่วนธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาไปรวมทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ ซึ่ง มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income) ให้กับกลุ่มบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการตั้งงบลงทุนในด้าน Green Energy ไว้ที่ 500 ล้านบาท และส่วนอื่นๆอีกประมาณ 100 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม, EV และ Battery Storage ฯลฯ โดยโปรเจคต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต สอดรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก และ ESG