กรุงศรี เปิดโครงการ “Krungsri ESG Awards”ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อยกย่องและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ที่ดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG พร้อมต่อยอดด้วยการเปิดหลักสูตรอบรมพิเศษ “Krungsri ESG Academy2024” โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับผู้ประกอบการ ในการสร้างแผนเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนตามกรอบ ESG และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจในระยะยาว
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะส่วนหนึ่งของภาคการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ กรุงศรีตระหนักถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสู่เส้นทางของความยั่งยืน โดยเราพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ผ่านการสนับสนุนทางการเงินและกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจด้าน ESG ด้วยเป้าหมายสำคัญสามประการ คือ 1. ส่งเสริมความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงความสำคัญของ ESG และเห็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวกว่าที่คิด 2. ให้การช่วยเหลือธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อพัฒนาแผนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่นำไปใช้ได้จริง 3. ขยายโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างพันธมิตรในการต่อยอดด้าน ESG ได้ครบทุกมิติ”
อย่างไรก็ตาม การลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านให้เกิดขึ้นจริง นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ SME ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การมีความรู้ ความเข้าใจที่ครบถ้วนในทุกมิติ การพัฒนาแผนธุรกิจที่นำไปสู่การวัดผลได้จริง รวมไปถึงการเข้าถึงเครือข่ายที่จะช่วยต่อยอดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ในปีนี้ กรุงศรีจึงได้สานต่อโครงการ Krungsri ESG Awards เป็นปีที่สอง เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการเชิดชูเกียรติธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการทำงานด้าน ESG และนำแนวทางไปปรับใช้กับธุรกิจจนเกิดผลสำเร็จ ซึ่งเรามุ่งหวังให้รางวัลนี้เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่ลงมือทำ ESG อยู่แล้ว ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เห็นว่า ESG สามารถทำได้จริงและจำเป็นต้องทำ พร้อมกันนี้ กรุงศรีได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดหลักสูตรอบรมพิเศษ Krungsri ESG Academy 2024 โดยจะเน้นการถ่ายทอดความรู้เรื่อง ESG ให้กับผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น เพื่อช่วยสร้างแผนเปลี่ยนผ่านธุรกิจที่นำไปใช้ได้จริง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจในระยะยาว” นางสาวดวงกมล กล่าวเสริม
สำหรับโครงการ Krungsri ESG Awards 2024 ได้รับเกียรติจากองค์กรพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิและมีวิสัยทัศน์ด้าน ESG มากมาย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมแนะนำแนวทางในการปรับตัวให้กับธุรกิจ และเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาและตัดสินรางวัล ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่
โดยในปีนี้ มีกิจการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการกว่า 60 องค์กร ประกอบไปด้วย ลูกค้าธุรกิจ SME ลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น สมาชิกของสมาคมธุรกิจเพื่อสังคม (SE Thailand) รวมถึงผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของกรุงศรี ซึ่งผู้ประกอบการทั้งหมดจะได้เข้าร่วมหลักสูตรอบรมพิเศษ Krungsri ESG Academy 2024 เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG อย่างครบทุกมิติจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ ตลอดระยะเวลาสี่เดือน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่วิธีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต รวมถึงแนวทางการดำเนินการธุรกิจหรือกิจกรรมสีเขียวตามนิยาม Thailand Taxonomy และได้ลงมือพัฒนาแผนในการปรับเปลี่ยนธุรกิจตามกรอบ ESG (Transition Plan) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรและกรุงศรี ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาสการเข้าถึงเครือข่าย ESG ที่น่าเชื่อถือจากเครือข่ายพันธมิตรของกรุงศรี เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
“นับเป็นความน่ายินดีที่กรุงศรีได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในวงการ ESG มาร่วมสานต่อในการผลักดันธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากการสนับสนุนผ่านโครงการดี ๆ อย่าง Krungsri ESG Awardsและ Krungsri ESG Academyแล้ว กรุงศรียังได้ตั้งเป้าให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainable Finance) สำหรับกลุ่มลูกค้า SME ไว้ที่จำนวนกว่า 4,500 ล้านบาท และด้วยการสนับสนุนของกรุงศรีที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การพัฒนาธุรกิจ และเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ SME ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต และช่วยให้ทุกธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย