Public Relation

ดีบีเอส จัดสัมมนากลยุทธ์การลงทุนเสิร์ฟลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้าสถาบัน ชูครึ่งปีหลังกลุ่มเทคโนโลยีโดดเด่น 6 เดือนแรกผลตอบแทน 36%.
25 ก.ค. 2567

ดีบีเอส จัดสัมมนาพิเศษ “2H24 Market Outlook: Risk Assets in Play” สำหรับลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้าสถาบัน ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากธนาคาร ดีบีเอส (สิงคโปร์) ให้ข้อมูลในเชิงลึกพร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุน ชูหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเด่นสุด 6 เดือนแรกของปีนี้ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 36% ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ยังมีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จัดสัมมนา “2H24 Market Outlook: Risk Assets in Play” ให้กับลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้าสถาบัน เพื่อนำเสนอข้อมูลการลงทุน โดยมีคุณสุกิตติ์ จรัสชัยวรรณา กรรมการบริหารอาวุโส Head of Wealth Management and Retail Business บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาในครั้งนี้ ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ที่ผ่านมา

 

โดยเชิญวิทยากรจากธนาคาร ดีบีเอส (สิงคโปร์) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาบรรยายพิเศษ เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก และกลยุทธ์การลงทุนภายใต้สภาวะการเงินในปัจจุบัน อาทิ Mr. Hou Wey Fook, CFA, Chief Investment Officer, Consumer Banking Group and Wealth Management, DBS Bank. Mr.Terence Wu, FX Strategist, Global Financial Markets, DBS Bank. Ms. Joanne Goh, Senior Investment Strategist, DBS Bank และ Mr. Daryl Ho, Senior Investment Strategist, DBS Bank. 

 

Mr. Hou Wey Fook, CFA Chief Investment Officer, Consumer Banking Group and Wealth Management, DBS Bank. ได้นำเสนอแนวโน้มการลงทุนสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2024 ว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทองคำและตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงจีน มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนอย่างดี โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลตอบแทนสูงถึง 36% ขณะที่ทองคำ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีน มีผลตอบแทนเฉลี่ย 12% นอกจากนี้ กลุ่ม Quiet Luxury ซึ่งมีกำไรดีในช่วงครึ่งปีแรก ก็ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และความพิเศษของผลิตภัณฑ์

 

Mr. Hou Wey Fook ยังได้กล่าวถึง การคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะมีการเติบโตอย่างช้าๆและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดการลงทุน ขณะที่แนวโน้มของการลงทุนในเทคโนโลยีและหุ้น AI ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว รวมถึงการคาดการณ์ว่ากลุ่มพลังงาน การเงิน และตลาดเกิดใหม่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง ยังมีการเติบโตที่มีนัยสำคัญ แม้ในสภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงและค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า สาเหตุหลักมาจากการสะสมทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาวที่เน้นการถือครองสินทรัพย์ที่มั่นคง การเพิ่มขึ้นของการซื้อทองคำโดยธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะต่อเนื่องในอนาคต

 

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง โอกาสในการสร้างรายได้ในอนาคตในภาคอวกาศ เช่น การผลิตในอวกาศ การทำเหมืองแร่จากดาวเคราะห์น้อย การตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร และการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ โอกาสเหล่านี้มีศักยภาพในการสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังได้เน้นถึงการลงทุนในตลาดเอกชน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ทุกพอร์ตการลงทุนควรมี เนื่องจากมีโอกาสในการสร้างมูลค่าก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด IPO เช่น SpaceX ซึ่งมีมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนเอกชนได้รับผลตอบแทนที่สูง

 

ด้าน Mr.Terence Wu, FX Strategist, Global Financial Markets, DBS Bank นักวิเคราะห์ค่าเงินจาก DBS Bank ได้ให้มุมมองว่าค่าเงิน USD/THB น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ประมาณ 36-37 บาทต่อดอลลาร์ และมองว่าค่าเงิน AUD/USD น่าจะแข็งค่าขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในออสเตรเลีย

 

ด้วยข้อมูลเชิงลึก และกลยุทธ์การลงทุนที่นำเสนอในงานนี้ เรามุ่งหวังว่าจะช่วยให้นักลงทุนมีเครื่องมือและความรู้ในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจในอนาคตของตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนนักลงทุนทุกท่าน เพื่อความสำเร็จและความมั่งคั่งที่ยั่งยืนในอนาคต

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com