FynnCorp Group ร่วมกับ Baramizi Consult จัดงาน Talk & Networking Party ในหัวข้อ Road to Capital Market พร้อมเชิญผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำร่วมงาน เพื่อเตรียมความพร้อมแลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ในการนำบริษัทเข้าระดมทุนรูปแบบต่างๆ ทั้งการ IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai), ตลาด LIVE Exchange และการควบรวมกิจการ (M&A) ได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายเพื่อต่อยอดทางธุรกิจและการลงทุน
นายพรพุทธ ริจิรวนิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ฟินน์คอร์ป หรือ FynnCorp กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน กล่าวว่า Highlight ของงานวันนี้คือ ช่วง Talk Session สัมมนาพูดคุยแลกเปลี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญจาก Baramizi และ FynnCorp ในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมสู่เส้นทาง Exit Plan” และอีกหัวข้อที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก “เทคโนโลยีการเงิน เสริมศักยภาพธุรกิจเพื่อก้าวสู่ตลาดทุน” พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจและสร้างเครือข่ายร่วมกัน อีกทั้งผู้ร่วมงานยังได้พบกับทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน และที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ให้คำแนะนำในประเด็นสำคัญด้วยคำแนะนำอย่างจริงใจ พร้อมแชร์ประสบการณ์ วิธีการแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นแนวทางในการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างราบรื่น
“จุดเริ่มต้นทางธุรกิจของท่านไม่ใช่วันที่ท่านจดทะเบียนบริษัท แต่เป็นวันที่ท่านจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ การแปรสภาพบริษัทจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจะช่วยขยายธุรกิจให้ไปได้ไกลกว่าเดิม” นายพรพุทธ กล่าว
นายจุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ Founder & CEO Baramizi Innovative Group หรือ Baramizi Consult กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์และพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า “Baramizi เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นที่ปรึกษาในการสร้างแบรนด์ สร้างสรรค์ให้ธุรกิจไทยเติบโตสู่ระดับสากลและมีมูลค่าเพิ่มที่สามารถแข่งขันได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์แบรนด์ที่แตกต่างและด้วยความคิดสร้างสรรค์ทางการออกแบบ และเราเชื่อว่าองค์ความรู้ต่างๆ ที่ผนวกกับความเชี่ยวชาญ เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจมีทิศทางที่ชัดเจน และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้ผู้ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง เสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ พร้อมกับได้รับความรู้และทำความเข้าใจในสาระสำคัญ ครอบคลุมถึงเกณฑ์ ระเบียบปฏิบัติ ที่จำเป็นต่อการเตรียมความพร้อม รวมถึงแนวทางการสร้างแบรนด์ให้เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ก่อนเข้าสู่ Capital Market ว่าควรทำอย่างไรบ้าง”
และในบทสรุปจากงาน Road to Capital Market นายพรพุทธยังทิ้งท้ายไว้ว่า เราอยู่ในยุคที่ การสร้างแบรนด์ให้เป็น Intangible Asset (ไม่ใช่ทรัพย์สินทางปัญญา แต่เป็นคุณค่าทางใจ) ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ถึง คุณค่าทางอารมณ์ และความเป็นอยู่ของบริษัทและพนักงาน , เรื่องราวของแบรนด์น่าฟังกว่าผลการดำเนินงานของบริษัท การสร้างชื่อเสียงและให้ข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ผ่านช่องทางต่างๆ จึงสำคัญ ไม่แพ้กับผลกำไร ที่สำคัญกว่า คือเป้าหมายต้องชัดเจน ทำอะไร กับใคร เมื่อไร และทำเพื่ออะไร ก่อให้เกิดทางเดินร่วมกันกับพนักงาน ผู้บริหาร และตัวท่านเอง, เทคโนโลยีการสื่อสารจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้ เพราะ ความน่าเชื่อถือ เข้าถึงได้ และความโปร่งใส จะนำไปสู่ความไว้วางใจซึ่งทำให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น มองนักลงทุนให้เหมือนลูกค้า เพราะเค้าให้เงินเราไม่ต่างจากลูกค้าเช่นกัน และสุดท้าย ความรู้ คือ อุปสงค์ที่ไม่สิ้นสุดและยังคงมีความต้องการไม่จำกัด ดังนั้น เราต้องสร้างบริษัทเป็นผู้ให้ความรู้เป็นสถาบันการเรียน การสอน ที่น่าเชื่อถือ การได้รับรางวัลและคำชื่นชมต่าง ๆ จึงสำคัญไม่แพ้ผลกำไร
“การสร้าง BRAND จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องเริ่มตอนนี้ เป็นก้าวแรกสู่ตลาดทุน” นายพรพุทธกล่าว