บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF รายงานรายได้จากการขาย ไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 908.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา 79% หรือ 400 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งการเติบโตของ Ethnic Food, ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจร้านขายของชำในเอเชียแบบ Onni-channel ในสหราชอาณาจักร คาดปีนี้ทั้งรายได้และกำไรมีลุ้นทำนิวไฮครั้งใหม่
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิตจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่าไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 908.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส เดียวกันของปีก่อนถึง ร้อยละ 79 หรือ 400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 144.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ Ethnic Food, ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจร้านขายของชำในเอเชียแบบ Onni-channel ในสหราชอาณาจักร Etnic Fod ฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังระบุเพิ่มเติมว่าส่วนหนึ่งของการมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ NRF ที่ได้รับความนิยมเสมอมา พร้อมกันนี้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง Botany PetCare ก็ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ร้อยละ 100 ตลอดทั้งไตรมาส ส่งผลให้มีการใช้การผลิตเต็มอัตราซึ่งอยู่ที่ 1,800 เมตริกตันต่อเดือน อีกทั้งสายการผลิตที่ 2 มีกำหนดจะเริ่มดำเนินการการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรองรับ ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิด การเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีและสามารถผลิตสินค้า รวมทั้งกระจายสินค้าเพื่อตอบสนองทุกคำสั่งซื้อได้อย่างครบถ้วน และไม่มีการขาดทุนจากการด้อยค่าในไตรมาส 1 ปี 2567
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2567 ทาง NRF ได้เริ่มดำเนินงานตามแผนที่วางไว้เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลัก ส่งผลให้บริษัทฯ บรรลุผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ตลาดที่ NRF ได้ให้ความสนใจกลับส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้นในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าจากอเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน ที่ยังคงมีความต้องการใน Ethnic foods เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารที่ทำให้มีสุขภาพดีและมีรสชาติกลมกล่อม สิ่งเหล่านี้จึงทำให้การจับจ่ายผลิตภัณฑ์อาหารเอเชีย เครื่องปรุง รวมถึงรายได้ของร้านค้าปลีกและชูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมโปรตีนทางเลือกหรือ Plant-based ซึ่งจะเห็นได้จากงานแสดงสินค้าและอาหารชั้นนำอย่าง Expo West ตลอดจนการลงทุนใน Venture Capital (VC) อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ NRF ยังคงมั่นใจในกลยุทธ์การขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอาหารหลัก รวมถึงผลประโยชน์จากการลงทุนในบริษัทในเครือหรือบริษัทย่อยผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในด้านความยั่งยืนและพันธสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับนโยบายการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และโครงการภาษีคาร์บอนของยุโรปหรือ CBAM ที่จะถูกนำมาปรับใช้ในทุกอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่มีมาตรการดังกล่าว แต่ NRF จะขอเป็นหนึ่งในผู้อุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายขับเคลื่อนบริษัท รวมทั้งผลักดันเป้าหมายเดียวกันนี้ร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อขับเคลื่อนบริษัทมุ่งสู่ Net Zero ภายใต้วิสัยทัศน์ “การใช้ระบบอาหารต่อสู้กับโลกร้อน”