บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI เผยทิศทางครึ่งปีหลัง คาดโตกว่าครึ่งแรก หลังปิดดีลคว้าโครงการใหม่เติมพอร์ตเพียบ! ลุ้นอัพไซด์แบ็คล็อกโต จากปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 3,500 ล้านบาท มองทิศทางงานภาครัฐฟื้น หลังงบประมาณปี 67 ได้รับการจัดสรรและทยอยเดินหน้าต่อในหลายโครงการ ส่งผลให้ภาคเอกชนลุยโครงการใหม่ๆ คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมามีสีสัน หนุนแผนเติบโตอย่างมีคุณภาพ
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำในกลุ่มธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง STI มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากความเชี่ยวชาญและศักยภาพทางธุรกิจ มุ่งเน้นบริหารจัดการอย่างรัดกุม และจุดแข็งมีพอร์ตงานในมือครอบคลุมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานและงานสาธารณูปโภค งานด้านคมนาคม งานโรงพยาบาล คลังสินค้า สนามบิน คอนโดมิเนียม เป็นต้น สนับสนุนให้ปัจจุบัน กลุ่ม STI มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปีจากนี้
อีกทั้งประเมินกลุ่ม STI คาดจะกลับมาลุยงานต่อได้ในอีกหลายโครงการ จากงบประมาณรายจ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวในครึ่งปีแรก เริ่มกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องแล้ว โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะเร่งเดินหน้าในช่วงต่อจากนี้ งานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐจ่อเปิดประกวดราคา ส่งผลให้ภาคเอกชนประกาศเปิดตัวในหลายโครงการ สะท้อนอุตสาหกรรมก่อสร้างทยอยฟื้นตัว อีกทั้ง บางโครงการมีความซับซ้อนและต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภายนอกเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสของกลุ่ม STI ลุยคว้างานใหม่ สนับสนุนการเติบโตภายใต้การบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท มุ่งเน้นการพัฒนาวิศวกรและบุคลากรภายใน ควบคู่ให้ความสำคัญในด้านนวัตกรรม สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยกระดับสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยความยั่งยืนในอนาคต
ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2567 (รอบบัญชี 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67) กลุ่ม STI มีรายได้รวมจากการให้บริการจำนวน 358.1 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 90.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 25.3 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 3.4 โดยภาพรวมปรับลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากงบประมาณการลงทุนและโครงการที่ชะลอตัว แต่สัญญาณกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย “ในปี 2567 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ แต่ภาพรวมกลุ่ม STI ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงินได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านสภาพคล่อง และการรักษาอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นได้ในระดับสูงเสมอมา และจะมุ่งมั่นรักษาคุณภาพเพื่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”