SCGD เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เดินเครื่องเปิดไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เต็มสูบ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างเวียดนาม และความต้องการกระเบื้องที่มีความแข็งแรงสวยงาม พร้อมปรับลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ สร้างการเติบโต 2 เท่าให้ได้ภายใน ปี 2573
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เปิดเผยว่า “SCGDเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดและการเติบโตของสินค้า HVA (High Value Added Products) ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยได้บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้งการลดต้นทุน ด้วยการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวล และพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น รวมถึงผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดสำหรับประเทศเวียดนามและในภูมิภาคอาเซียนความต้องการกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เติบโตสูง เพราะเป็นกระเบื้องที่มีความแข็งแรง ทนทานและสวยงาม SCGD จึงเปิดไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ที่ภาคกลางประเทศเวียดนามตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ที่โรงงาน Dai-Loc ใช้เงินลงทุนเฟสแรกประมาณ 142 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 1.38 ล้าน ตารางเมตรต่อปี สามารถผลิตกระเบื้องขนาด 60x60 เซนติเมตร และขนาด 80x80 เซนติเมตร ซึ่งปัจจุบันได้เดินเต็มกำลังการผลิตแล้วเพื่อรองรับตลาดที่เติบโตสูง
ปี 2567 บริษัทฯ ยังลงทุนเปิดไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนเพิ่มที่โรงงาน Dai-Loc เฟส 2 ด้วยเงินลงทุน 76 ล้านบาท เริ่มเดินสายการผลิตในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต 2.2 ล้าน ตารางเมตรต่อปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยจะเปิดสายการผลิตเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่โรงงาน Tien Phong ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม กำหนดแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ เงินลงทุน693 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 9.1 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งโดยรวมภายในปี 2567 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลน ขนาดใหญ่เพิ่มอีกกว่า 14 ล้านตารางเมตร จากกำลังการผลิตในประเทศเวียดนามและอีก 1 โรงงานในประเทศไทยด้วย และเพิ่ม EBITDA ให้บริษัทฯ กว่า 200 ล้านบาทต่อปี
SCGD มีเป้าหมายและแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าให้ได้ภายในปี 2573 โดยเตรียมความพร้อมขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในอาเซียน พร้อมเร่งเจรจาจับมือพันธมิตรหลายราย รุกขยายธุรกิจวัสดุปิดผิวและตกแต่งรองรับตลาดไทย-อาเซียนที่คาดว่าจะฟื้นตัวในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังเดินการผลิตที่โรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO ด้วยกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ชูจุดแข็งด้านซัพพลายเชนและนวัตกรรมรักษ์โลก