Public Relation

ดีลอยท์- SME D BANK  จัดโครงการปั้น SMEs- Startups ก้าวสู่ตลาดทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ ปีที่2
5 พ.ค. 2567

ดีลอยท์ ประเทศไทย ผนึก SME D BANK ภายใต้การสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ไลฟ์ ฟินคอร์ป เดินหน้าจัดโครงการ  Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 ด้วยหลักสูตรติดอาวุธ SMEs- Startups ก้าวสู่ตลาดทุน เพิ่มศักยภาพธุรกิจ เสริมความรู้ในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาระบบงานที่สำคัญ การแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลากสาขา สนับสนุนการต่อยอดเครือข่ายธุรกิจ จำลองการนำเสนอและรับฟังความเห็นจากนักลงทุนตัวจริง รวมถึงโอกาสรับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนสูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการแล้ววันนี้ - 31 พ.ค. 67

 

นายชวาลา เทียนประเสริฐกิจ  Audit & Assurance Leader ดีลอยท์ ประเทศไทยเปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับเกียรติร่วมเป็นที่ปรึกษาโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 หรือเส้นทางเตรียมความพร้อมสู่ตลาดทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ ดีลอยท์ ประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D BANK) และ บริษัท ไลฟ์ ฟินคอร์ป จำกัด (LiVE) จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เพื่อเสริมความพร้อมที่สำคัญให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ตอัพไทย (Startups) ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดทุน“LiVE Exchange” เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยหวังให้บริษัทเหล่านี้พัฒนาและเติบโตต่อไปได้เป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป

 

“ความร่วมมือครั้งนี้ ดีลอยท์ ได้ร่วมให้คำปรึกษา แนะนำแนวทางเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถพัฒนาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสามารถระดมทุนผ่านกลไกตลาดทุนได้ตามวัตถุประสงค์ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำแนะนำตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานจากธุรกิจครอบครัวสู่ธุรกิจมหาชน การทำแผนธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง และกำหนดการควบคุมภายใน ทั้งประเด็นทางกฎหมาย การวางแผนภาษี การจัดทำรายงานทางการเงินตามมาตรฐานที่กำหนด การสร้างความสนใจจากนักลงทุน ฯลฯ” นายชวาลา กล่าว

 

ทั้งนี้ ดีลอยท์ ยังมีส่วนร่วมประเมินผลผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน หรือ “CMDF” ในสัดส่วนราว 75% ของค่าใช้จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 80% ของกิจกรรม Workshop สามารถส่งรายงานความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อม และปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้เชียวชาญแนะนำ สำหรับส่วนงานที่ยังไม่พร้อมแต่สามารถระบุเวลาในการปรับปรุงให้ชัดเจน ก็มีโอกาสที่จะได้รับทุนสนับสนุนเช่นกัน

 

ด้านนายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D BANK) กล่าวว่า โครงการ Acceleration Program – Road to LiVE2024 รุ่นที่ 2 นับเป็นความร่วมมือระหว่างSME D BANK กับ ดีลอยท์ ประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการ SMEs และ Startups เข้าร่วมและผ่านการอบรมในโครงการรุ่นที่ 1 จำนวน 22 บริษัท  และจากความสำเร็จของโครงการแล้วนั้น ผู้เข้าร่วมโครงการได้คู่ค้าและพันธมิตรที่ต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน (Synergy) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน รวมถึงได้สร้างโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นำเสนอแผนธุรกิจต่อ Private Equity Trust Fund ของSME D Bank และเข้าสู่กระบวนการร่วมลงทุน จำนวน 3 บริษัท

 

สำหรับโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2  มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - มิถุนายน 2568โดยเปิดรับสมัครผู้ประกอบการ SMEs ขนาดกลางขึ้นไป โดยธุรกิจประเภทผู้ให้บริการ ต้องมีรายได้อยู่ระหว่าง 51 - 300 ล้านบาทต่อปีและธุรกิจประเภทผู้ผลิต ต้องมีรายได้อยู่ระหว่าง 101 - 500 ล้านบาทต่อปี ส่วน Startups ต้องมี Venture Capital / Private Equity ร่วมลงทุน เพื่อคัดเลือกเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้  โดยต้องเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ตลาดทุน มีนโยบายและแผนธุรกิจ โครงสร้างองค์กร, การบริหารจัดการภายใน, ระบบงานที่สำคัญ (Enterprise System) รวมถึงความพร้อมของข้อมูลทางการเงิน เพื่อสามารถจัดทำระบบการเงินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้องค์กรพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไป

 

ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้พัฒนาธุรกิจและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1. การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop)เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ เสริมความรู้ในการเตรียมความพร้อม และพัฒนาระบบงานที่สำคัญ  2.ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ (Coaching)  ตรงตามความสนใจของผู้ประกอบการ    3. ต่อยอดเครือข่ายธุรกิจ (Networking) และ 4. จำลองการนำเสนอ (Pitching) และรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนตัวจริง 

 

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ซึ่งได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างอนาคตสำหรับทุกภาคส่วน รวมถึงการสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ผ่านLiVE Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต พัฒนาขีดความสามารถในมิติต่างๆ และเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุน ซึ่งโครงการ Acceleration Program - Road to LiVE รุ่นที่ 2 เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และเตรียมความพร้อมสำหรับเจ้าของธุรกิจ และบุคลกรในระดับบริหาร ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายและแผนระดมทุนในอนาคต ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ กลไกการระดมทุน และขั้นตอนเตรียมความพร้อมต่างๆ เช่น ระบบงานด้านบัญชีการเงิน ระบบบริหารการจัดการควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยหวังให้บริษัทเหล่านี้ได้พัฒนาและเติบโตเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตลาดหลักทรัพย์   เอ็ม เอ ไอ (mai) และไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) อย่างมีคุณภาพต่อไป”

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com