SCGD เดินหน้ารุกตลาดอาเซียนตามกลยุทธ์ ผลักดัน COTTO เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับอาเซียน เพิ่มยอดขายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในกลุ่มกระเบื้อง และสุขภัณฑ์กลุ่ม Smart จาก COTTO โชว์นวัตกรรมยกระดับคุณภาพชีวิตในงาน WORLDBEX 2024 ที่ฟิลิปปินส์ ตั้งเป้า ดันยอดขายเพิ่ม 10% เป็นกว่า
3 พันล้านบาท
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจีเดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรในอาเซียน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน SCG Decor มีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศฟิลิปปินส์ คือ Mariwasa Siam Ceramics Inc. มีกำลังการผลิต12 ล้าน ตร.ม. ต่อปี ตั้งอยู่ที่เมืองบาตังกัส ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมหลัก จัดจำหน่ายสินค้ากระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Mariwasa ที่มีชื่อเสียงและครองส่วนแบ่งการตลาดกระเบื้องเซรามิกสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยในปีที่ผ่านมาSCGD มีรายได้จากธุรกิจกระเบื้องและสุขภัณฑ์ที่ฟิลิปปินส์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 9 ของรายได้ทั้งหมด
นายนำพล กล่าวว่า SCGD เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยและทุกประเทศในอาเซียนจะยังคงขยายตัวต่อไปได้ในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทฯ มีธุรกิจและมีการลงทุนอยู่ สำหรับตลาดฟิลิปปินส์ ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าแบรนด์ Mariwasa ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ในประเทศอยู่แล้ว จะสามารถเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ด้วยกลยุทธ์การผลักดัน COTTO เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับอาเซียนและนำเสนอสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในกลุ่มกระเบื้อง และสุขภัณฑ์กลุ่ม Smart จากCOTTO เพื่อดันยอดขายในฟิลิปปินส์ เพิ่มอีก 10% เป็นกว่า
3 พันล้านบาท
“การนำแบรนด์ COTTO ไปโชว์ในงาน WORLDBEX 2024 ซึ่งเป็นมหกรรมสินค้าและวัสดุตกแต่ง อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการออกแบบของประเทศฟิลิปปินส์ และถือว่าเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์หลักที่จะต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวจากไทยสู่ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ด้วยการผลักดัน COTTO เป็นแบรนด์ชั้นำระดับอาเซียน เพิ่มยอดขายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) อาทิ กระเบื้องเซรามิกกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite) กระเบื้องโมเสก สุขภัณฑ์กลุ่ม Smart ฯลฯทั้งนี้ การนำสินค้ากระเบื้อง และสุขภัณฑ์กลุ่ม “Smart” แบรนด์ COTTO รุกเข้าไปยังตลาดเพื่อเสริมความหลากหลายของสินค้าและเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งการเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้าในครั้งนี้เป็นช่องทางสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ให้กลุ่มผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในฟิลิปปินส์ให้กับแบรนด์ COTTO อีกทางหนึ่งด้วย” นายนำพลกล่าว