บมจ.โซลาร์ตรอน กางแผนปี 2567 แย้มผลงานเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 418.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 171.37 ล้านบาท ผู้บริหาร พร้อมลุยธุรกิจ EPC เต็มพิกัด หลังตุน Backlog มากกว่าปีก่อน 500 ล้านบาท พร้อมเจรจาพันธมิตรต่างประเทศ เพิ่มโอกาสการคว้างานใหม่ เล็งแตกไลน์ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ปักธงรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20-25% รับอานิสงส์นโยบายรัฐเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นธุรกิจประเภท EPC ซึ่งเป็นบริการออกแบบก่อสร้างแบบครบวงจร ด้วยการเข้าร่วมประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และคว้างานใหม่มากขึ้น พร้อมกับแตกไลน์ธุรกิจพลังงานทางเลือกอื่น ๆ นอกเหนือจากพลังงานแสงอาทิตย์
ทั้งนี้ แผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับทิศทางเศรษฐกิจภายใต้การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืนตามนโยบายของภาครัฐ ประกอบไปด้วย 6 แนวทาง ดังนี้ 1.วางแผนนำ Solar Rooftop เสนอต่อลูกค้าเพื่อการประหยัดพลังงาน ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2.สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่มาใช้ในกระบวนการผลิตและการบริหารโครงการ 3.เน้นโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเป็นลูกหนี้ที่มีคุณภาพสามารถเก็บเงินได้ตามกำหนด รวมถึงมีโครงการนำร่องที่สามารถขยายไปยังส่วนราชการอื่น ๆ ครอบคลุม 77 จังหวัด 4.ปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
5.ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ได้หลากหลายประเภท และ 6.ควบคุมค่าใช้จ่าย แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางตรงของโครงการ โดยการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการลดทั้งต้นทุนและเวลา ตลอดจนควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร โดยการใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ
“ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 นี้ มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากนโยบายภาครัฐที่มีการสนับสนุนให้ทุกคนหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมถึงยังมีงานของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้” นายสิทธิชัย กล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ General Mandate จำนวนไม่เกิน 217,649,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในอัตราส่วน 11 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.80 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันจองซื้อและชําระค่าหุ้น ระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 22 เมษายน 2567
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการเงินที่จะนำมาใช้ในการลงทุน ซึ่งจะเป็นโครงการลงทุนทั้งในภาครัฐและเอกชนในอนาคต อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งจะใช้เป็นเงินทุนสำรองเพื่อหมุนเวียนกิจการ และเป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ หรือเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ ให้มีความยั่งยืน
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นบวกได้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 418.30 ล้านบาท เติบโต 53.54% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 272.44 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 171.37 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 167.36 ล้านบาท