กองทรัสต์ WHART เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม จองซื้อ 1,4 และ 6-8 ธ.ค. ส่วนประชาชนทั่วไป 13 -15 และ 18 ธ.ค. นำเงินลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินคลังสินค้า และโรงงานประเภท Built-to -Suit และ General Warehouse ระดับพรีเมี่ยม หนุนพอร์ตแตะ 55,000 ล้านบาท ตอกย้ำผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชูยีสด์สูงกว่า 8.23%
นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท กล่าวว่า การเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ซึ่งภายหลังการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร โดยเป็นอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และอาคารโรงงาน ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการลูกค้าและแบบสำเร็จรูป
ดังนั้น เชื่อมั่นว่า การเปิดจองซื้อหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะได้การตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากความโดดเด่นของทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 2. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจค 1 3. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 3 เป็นโครงการที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ทางโลจิกติกส์ที่สำคัญ ได้แก่ ทำเลบางนา-ตราด และ EEC ที่มีกลุ่มผู้เช่าจากหลากหลายธุรกิจที่มีความมั่นคงอย่าง กลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (Third Party Logistics) และกลุ่มผู้ผลิต (Manufacturer) ที่สำคัญเป็นการลงทุนในอาคารแบบ Built-to-Suit และ General Warehouse ซึ่งตอบโจทย์การดำเนินการของผู้เช่าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณภาพของทรัพย์สินนั้นเป็นระดับพรีเมี่ยม มีกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group บริหารจัดการทรัพย์สิน สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของกองทรัสต์ WHART ซึ่งมุ่งเน้นคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างอัตราการเติบโต และผลตตอบแทน ให้คุ้มค่ากับการเข้ามาลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน
ล่าสุดกองทรัสต์ WHART แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 รายได้รวมเท่ากับ 840.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.29 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4.90 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 644.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.42 จากงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทรัสต์ WHART เอง ถือว่าเป็นกองทรัสต์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 กองทรัสต์เองมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A Stable จาก Tris Rating
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า สถานการณ์ลงทุนปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนในกองทรัสต์ (REIT) เนื่องจาก ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกอง REIT โดยทางธนาคารมีความเห็นว่าสินทรัพย์ประเภทกอง REIT เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุน ด้วยคุณสมบัติสินทรัพย์ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่า และมีความต่อเนื่องและเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว
ด้าน นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทรัสต์ WHART เป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง เป็นกองทรัสต์ฯ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พ.ย. 2566) สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อตั้งกองทรัสต์ มีเครดิตเรตติ้งที่ดี และที่สำคัญคือมี WHA Group เป็นเจ้าของทรัพย์สินและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการันตีถึงคุณภาพของทรัพย์สินได้เป็นอย่างดี โดยภายหลังจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในครั้งนี้ กองทรัสต์ฯ ได้ประมาณการอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนประมาณ 8.23% (ขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย) บนสมมติฐานราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 9.60 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้จะมีการคืนส่วนต่างการจองซื้อ กรณีราคาเสนอขายสุดท้าย ต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด
กองทรัสต์ WHART เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 สามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 1, 4 และวันที่ 6 - 8 ธ.ค. 2566 โดยสามารถจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีการกำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.0598 หน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ที่ระดับราคาจองซื้อที่เสนอขายสูงสุด 9.60 บาทต่อหน่วย และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายก่อนช่วงของการจองซื้อสำหรับประชาชนทั่วไป ผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 13 -15 และวันที่ 18 ธ.ค. 2566 โดยจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสุดท้าย ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)