Interview

แม่ทัพใหญ่ B ย้ำชัด 2566 ปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ @ชูธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์-พลังงานทางเลือกโตโดดเด่น
27 ม.ค. 2566

"ปัญญา บุญญาภิวัฒน์" แม่ทัพใหญ่ บีจิสติกส์  ย้ำชัดปี 2566 ธุรกิจเทิร์นอะราวด์ ชูกลุ่มขนส่งมาแรง ขณะที่ธุรกิจพลังงานทางเลือกที่ลงทุนผ่าน "เดอะ เมกะวัตต์" หนุนผลประกอบการกลุ่ม B เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน เดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โฟกัสรายใหญ่ ลั่นแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ยังมั่นคง ปูทางสู่ Green Logistics  - Green Utilities


ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 ว่า ถือเป็นปีที่กลุ่ม B มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มให้สอดคล้องกับเป้าหมายไปสู่ การทำธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Logistics รวมทั้งการเข้าไปลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ  Green Utilities ตามแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม

ภาพรวมผลประกอบการของ  B  ปรับตัวดีอย่างต่อเนื่อง  สะท้อนได้จากตัวเลขผลประกอบงวดสิ้นปี 2564  ที่มีกำไรสุทธิ 129.52 ล้านบาท ขณะที่มีตัวเลขขาดทุนสะสม 53.90 ล้านบาท และล่าสุดงวด  9 เดือนปี 2565  มีกำไรสุทธิ 34.6 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขขาดทุนสะสมลดลงเหลือเพียง 19.24 ล้านบาท  และมีตัวเลขสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)เพียง 0.2 เท่า  


“ผลประกอบการของ B ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เป็นผลมาจากธุรกิจหลักคือ ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์  ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง  มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ลดต้นทุนพลังงาน  โดยใช้รถขนส่งที่เติมแก๊สเอ็นจีวี แทนการใช้น้ำมันมากขึ้น  ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยของเสียในอากาศ สอดคล้องกับนโยบายหลักของกลุ่ม B  คือการทำธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Logistics “ดร.ปัญญา กล่าว
แม่ทัพใหญ่ บีจิสติกส์  กล่าวว่า กลยุทธ์ทางด้านการตลาด เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ช่วยผลักดันธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ของกลุ่มB ให้มีการเติบโตก้าวกระโดด โดยปีนี้เราจะขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย โฟกัสลูกค้ารายใหญ่ที่มีความต้องการใช้บริการกองรถปริมาณที่มาก สอดคล้องกับจำนวนรถหัวลากของบริษัทที่มีอยู่จำนวน 66 คัน  โดยตั้งเป้าว่าในปีหน้ารถหัวลากที่เป็นของบริษัททั้งหมดจะให้บริการเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่100%  ส่วนลูกค้าทั่วไปจะใช้บริการซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรแทน 

สำหรับการลงทุนด้าน Green Utilities บริษัทลงทุนผ่าน บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ประกอบธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ใส่เงินลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นกว่า 46%  ของทุนจดทะเบียนมติพิเศษ ซึ่งการขยายเงินลงทุนในครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตในอนาคต เนื่องจากมองว่าธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีการซื้อขายในรูปแบบของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ระยะยาวประมาณ 25-30 ปี จึงเป็นการการันตีรายได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว  


ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนในเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว คือ โครงการโซลาร์ฟาร์ม SSG ภายใต้บริษัทย่อยสยาม โซลาร์ ที่อยู่ในชัยภูมิ กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์ โดยได้ COD ไปแล้วตั้งแต่ปี 56 ถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง  
ในปี 2564 บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ มีกำไรสุทธิ 135 ล้านบาท และปี 2565 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และน่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีส่วนช่วยผลักดันผลประกอบการของกลุ่ม B  เติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้


“ปีนี้กลุ่มที่โดดเด่นคือ ขนส่ง และพลังงานทางเลือก ส่วนธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ ที่ดำเนินธุรกิจผ่าน บริษัทเทพฤทธา จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ปีนี้ผมเชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ดีของ B  และมีโอกาสล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีนี้”ดร.ปัญญา กล่าว

 

 
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com