“ดร. มัลลิกา แก่กล้า” CEO สุดแกร่ง!
DEXON พร้อมจะเติบโตไปข้างหน้า
เพราะธุรกิจของเรา คือการ "พัฒนาเพื่ออนาคต"
DEXON หรือ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน และอื่น ๆ ปรากฏตามหน้าสื่อไม่เว้นแต่ละวัน ในช่วงการระดมทุนขายหุ้นไอพีโอ แต่หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Mai เมื่อ 31 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ก็เริ่มห่างหายไปจากหน้าสื่อ
วันนี้ คลับหุ้นมีโอกาสสัมภาษณ์ ดร.มัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) อีกครั้ง เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI
ดร.มัลลิกา บอกว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ ได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนอย่างชัดเจน
1. ขยายการลงทุนในต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกา และยุโรป ประเทศเนเธอแลนด์ เนื่องจากเห็นโอกาสในการเติบโต ในงานตรวจสอบทางท่อ (Pipeline Inspection) ซึ่ง DEXON เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการตรวจสอบทางท่อมายาวนานกว่า 30 ปี
2.ลงทุนในงานด้านการวิจัย และพัฒนา (Research, Development & Engineering) เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการวิจัย พัฒนา และการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเพิ่มจำนวนการผลิตเพื่อรองรับการขยายการให้บริการเข้าไปในตลาดต่างประเทศ
3.ชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน
4.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
การขยายลงทุนในต่างประเทศได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ที่รัฐเท็กซัส อเมริกา เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ที่ประเทศเนเธอแลนด์ แล้วเช่นกัน มีการใส่เงินลงทุนไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 และเริ่มต้นทำธุรกิจเต็มตัวแล้ว ตั้งแต่การเช่าพื้นที่สำนักงาน จดทะเบียนบริษัท การเซ็ทอัพระบบ รวมถึงการว่าจ้างบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่ม
ส่วนการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา มีการลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องมือการผลิตต่างๆ เข้ามา เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้งมีการขยายพื้นที่อาคารวิจัยและสำนักงาน เพื่อขยับขยายพื้นที่รอบรับแผนการเติบโตในอนาคต
ด้านผลการดำเนินงาน ดร.มัลลิกา ระบุว่า งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ อาจจะดูไม่ดีในสายตานักลงทุน เพราะมีตัวเลขขาดทุน 17 ล้านบาท แต่สาเหตุเกิดจากต้นทุนค่าจ้างแรงงาน จากการที่บริษัทเพิ่มกำลังคน เพื่อรองรับแผนงานที่จะขยายการเติบโตของบริษัททั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหุ้นไอพีโอ การจัดทำสื่อ สร้างภาพลักษณ์เพื่อให้เป็นที่รู้จัก (Brand Awareness)
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่รายได้ ยังคงเติบโต มีรายได้จากการขายและบริการ 270.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.13% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ส่วนนี้ 259.89 ล้านบาท สะท้อนว่าธุรกิจของ DEXON ยังมีการเติบโตที่ดี
ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ดร.มัลลิกา ระบุว่า ยอมรับว่าเราไม่ได้เชี่ยวชาญด้านหุ้น เราเชี่ยวชาญเฉพาะการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยี อินโนเวชั่น ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมี 2 ปัจจัย คือ สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส ทำให้ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไม่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกอยู่เหนือการควบคุม
รวมถึงหุ้น DEXON ที่ถูกซ้ำเติม จากปัจจัยภายใน เรื่องผลประกอบการ ที่ออกมาไม่ดี ในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ทางทีมผู้บริหารของ DEXON ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งก็ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ว่าเกิดจากการขยายการลงทุน รองรับขยายการเติบโตในอนาคต เพื่อสร้างรายได้และกำไรที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคตข้างหน้า
"ยอมรับว่าการคาดหวังผลตอบแทนในช่วงปีแรกของการจัดตั้งบริษัท ในการลุยธุรกิจในพื้นที่ใหม่ เป็นเรื่องค่อนข้างยาก และต้องยอมรับว่าในตลาดอเมริกา เราคือน้องใหม่ มาจากเอเชีย และประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี การเข้าไปยืนในพื้นที่ ที่เขาเป็นที่หนึ่งด้านเทคโนโลยีระดับโลก จึงเป็นความท้าทายสำหรับ DEXON ซึ่งวันนี้ ถ้าเราสามารถปิดงานบางโปรเจกต์ ได้ เรามองว่าเป็น Good Starting point และวันนี้เริ่มมีโปรเจกต์ งานเข้ามา ทำให้เรามองเห็นโอกาสการเติบโต" ดร.มัลลิกา กล่าว
การเปิดตัวพื้นที่ใหม่ในต่างประเทศ เริ่มมีรายได้เข้ามาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลารุกตลาดอีกระยะหนึ่ง ซึ่งก็มีโอกาสที่บริษัทฯ จะเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศ เพราะทุกประเทศในโลกมีแผนตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน ตามระยะเวลาของบริษัทนั้นๆ ระบุไว้อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสของ DEXON ที่จะเข้าไปสร้างการเติบโตในธุรกิจนี้
ส่วนทั้งปี เราตั้งยอดขายให้ไว้กับคณะกรรมการบริษัทที่ 750 ล้านบาท หรือโตจากปีก่อน 10-15% แม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะทำได้ยังไม่ถึงครึ่งของยอดที่ตั้งเป้าไว้ แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ถือเป็นไฮซีซั่น ที่มักจะมีงานเข้ามาเยอะ เพราะบริษัทต่างๆ จะเร่งปิดงบประมาณ โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกปี ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า โดยปัจจุบัน มีงานในมือแล้วกว่า 15 บริษัท หรือมียอดขายรวมประมาณ 400 ล้านบาท
ส่วนแผนงานในระยะยาว 3-5 ปี DEXON ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-15%
สำหรับแผนกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่การเติบโตให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
1. ยังมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบท่อ เพราะยังมีความต้องการของลูกค้าอีกหลายกลุ่ม ที่ให้โจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบท่อมาที่ DEXON ให้ช่วยพัฒนาเพื่อตรงกับความต้องการของลูกค้า
2. เรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทนในอนาคต ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐ วางงบประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับรัฐต่างๆ ใน 7 หน่วยงาน ในการพัฒนาเรื่องของพลังงานไฮโดเจน ซึ่งจะมาเป็นพลังงานทดแทนในอนาคต ทำให้เราเห็นเทรนด์พลังงานทดแทนที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทิศทาง ที่ DEXON ณ วันนี้ มีการเริ่มต้นวิจัยและพัฒนา เพื่อรองรับโอกาสในอนาคต ณ วันที่พลังงานทดแทนเข้ามา เมื่อมีการใช้พลังงานทดแทน ลำเลียงกระจายไปให้บริการตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ผ่านระบบท่อ อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบท่อเพื่อรองรับ การลำเลียงทางท่อพลังงานทดแทน หนีไม่พ้นที่จะต้องใช้บริการของ DEXON
3.การให้ความร่วมมือวิจัยและพัฒนา พลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง DEXON มีการเซ็นสัญญา โครงการร่วมกับบริษัทในสหรัฐ ในการวิจัย พัฒนาพลังงานทดแทน และในประเทศก็มีการทำ บันทึกข้อตกลง (Memorandum Of Agreement) กับมหาลัยภาครัฐ ในการคิดค้น และพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งในการวิจัยเรื่องพลังงานทดแทน ก็จะมีจะส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ DEXON คือ เรื่องของระบบท่อลำเลียง
ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นนักลงทุนเกี่ยวกับราคาหุ้น ดร.มัลลิกา บอกว่า ลักษณะธุรกิจของ DEXON ไม่เหมือนธุรกิจซื้อมาขายไป ที่เห็นผลกำไรทันที มันเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัย การวิจัย พัฒนา เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระยะยาว เพราะเราไม่ได้ทำเพียงแค่วันนี้อย่างเดียว ธุรกิจของเรา "พัฒนาเพื่ออนาคต"
"ถ้านักลงทุนมอง DEXON เฉพาะผลประกอบการ ณ วันนี้ โดยไม่มองเรื่อง Premium size ที่ไม่ได้อยู่ในงบการเงิน นักลงทุนอาจจะรู้สึกว่าเป็นบริษัทที่ไม่น่าลงทุน แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ลึกลงไป จากโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจ เกี่ยวกับทิศทางที่วางไปถึงอนาคต ที่บริษัทกำลังจะก้าวไป ถ้าศึกษาเรื่องเหล่านี้ให้ดี DEXON ถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุน เพราะมีการวางทิศทางการทำธุรกิจอิงกับอนาคตเอาไว้เป็นรูปธรรม และจับต้องได้ เพราะฉะนั้นในระยะยาว Business Model ของ DEXON จะมีการเติบโตอย่างแน่นอน และเหมาะกับนักลงทุนที่มองเรื่องโครงสร้างพื้นฐานองค์กร ซึ่งนี่คือ Message ที่อยากฝากถึงนักลงทุนทุกคน"
ส่วนเรื่องการจ่ายเงินปันผล ดร.มัลลิกา ระบุว่า เรามีการวางแผนการจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนอย่างแน่นอน จากนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%ของกำไรสุทธิ ซึ่งหลังปิดงบประจำปี ก็จะเป็นไปตามวาระ
ที่ผ่านมาบริษัททั่วๆ ไป ที่มีกำไรสะสม (Retained earnings) ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมมักจะมีการนำไปจ่ายปันผลออกหมด แต่สำหรับ DEXON ไม่ได้ทำอย่างนั้น เรายังมีกำไรสะสม 100 กว่าล้าน และที่ผ่านมา เรายังไม่ได้นำไปจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งปัจจุบันกำไรสะสมก็ยังอยู่ในงบการเงิน
ดังนั้นเมื่อถึงวาระการจ่ายเงินปันผล ก็จะมีการจ่ายให้กับทั้งผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เข้ามาลงทุนกับเรา ซึ่งนี่เป็นจุดเด่นของบริษัท 1.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของผู้ถือหุ้นรายเก่า ที่ไม่ได้มีความตั้งใจจะละทิ้งองค์กร 2.ต้องการจะเก็บผลตอบแทนส่วนนี้แบ่งปันให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เชื่อมั่นใจในบริษัท
และนี่คือ ทั้งหมดจากใจจาก ดร.มัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่พยามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตของธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าในระยะยาว เพราะธุรกิจของ DEXON คือการ "พัฒนาเพื่ออนาคต"