โฮม พอตเทอรรี่ เดินเครื่องเต็มกำลัง หลังออเดอร์จากต่างประเทศเข้ายาวถึงเดือนกรกฎาคม มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมทั้งยังจับมือพันธมิตรออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มของตกแต่งบ้าน หวังเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารเซรามิคระดับสากลแบรนด์ PETYE (เพทาย) เปิดเผยถึง แนวโน้มผลดำเนินการปี 2565 ว่า บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน ซึ่งวิเคราะห์จากปี 2565 ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มผ่อนคลาย คนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติแบบ new normal และกลับมาเดินทางอีกครั้ง ทำให้ยอดคำสั่งซื้อสินค้ายังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศฝั่งยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทะยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2564 และยังคงทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำสั่งซื้อ(Backlog) ณ มกราคม 2565 อยู่ที่ 116 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ดำเนินแผนการผลิตเต็มกำลังเพื่อทยอยส่งมอบไปจนถึงไตรมาส 3 ของปี 2565
นอกจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังได้ร่วมกับพันธมิตร พัฒนาสินค้ากลุ่มสโตนแวร์ (Stoneware) ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าปี 2565 จะมียอดรับรู้รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้อย่างมีนัยยะสำคัญ อีกทั้งยังได้เริ่มพัฒนาสินค้าของตกแต่งบ้านเซรามิค จากเดิมที่บริษัทฯมีสินค้าเพียงในกลุ่ม จาน ชาม ซึ่งเป็นเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ในอนาคต
“แม้ว่ากำลังการผลิตของบริษัทจะเดินเต็มกำลังแล้ว แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมกับพันธมิตรพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มผลิคภัณฑ์
ส่วนบริษัท เซ็นทรัล ฮอสพิแทลลิที จำกัด (CHL) บริษัทฯย่อยของ HPT ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ครัวครบวงจร ภายใต้สโลแกน “ครบ พร้อม สำหรับธุรกิจบริการด้านอาหาร” คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15 % จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และคาดว่าธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ประเมินว่าสถานการณ์โควิดน่าจะกลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นในอนาคต
สำหรับCHL บริษัทยังมุ่งเน้นที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด แต่สามารถเข้าถึงและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ร่วมกับพันธมิตรที่เป็นแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซต่างๆเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากที่สุด
ขณะที่การลงทุนหลังจากที่ได้รับเงินจากการแปรสภาพ W1 บริษัทฯได้วางแผน ออกเป็น 3 ส่วน คือ ด้านการผลิต การตลาด และ เงินทุนหมุนเวียน โดยแผนด้านการผลิตบริษัทฯมีแผนที่จะปรับปรุง และต่อขยายไลน์ผลิตเดิม เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต 30-40% ภายใน 3-5 ปี ปัจจุบันได้พัฒนาในส่วนงานของการขึ้นรูปไปแล้วบางส่วน ส่วนด้านการตลาด บริษัทฯได้พัฒนาสินค้าร่วมกับพันธมิตรในกลุ่มสินค้า Stoneware (สโตนแวร์) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการขายได้ถึง 15-20% ส่วนเงินลงทุนที่เหลือบริษัทฯเตรียมไว้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเนื่องจากบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มกำลังผลิตและการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะเป็นผู้นำในการผลิต และจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เซรามิคแบบครบวงจรในระดับโลก