นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง ภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 2565 และแนวโน้มในปีนี้ ว่า ธนาคารพาณิชย์โดยรวมมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุนเงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดบสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ใน ปี 2565 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 ชะลอลงจากปีก่อน จากการชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ ภาครัฐ และสินเชื่อ Soft loan รวมทั้งการโอนพอร์ตรายย่อยไปยังบริษัทลูกของ ธพ. แห่งหนึ่ง และการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ อย่างไรก็ดีสินเชื่อยังขยายตัวได้จากธุรกิจรายใหญ่ในภาคพาณิชย์และสินเชื่อรายย่อยพอร์ตที่อยู่อาศัยและส่วนบุคคลเป็นสำคัญ
ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อ
ด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ stage 3) ณ สิ้นปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่499.2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.73
“ผลการดำเนินงานปี 2565 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองในระดับสูงตลอดช่วง COVID-19 อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและการฟื้นตัวของธุรกิจบางกลุ่ม โดยภาคครัวเรือน แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จะปรับลดลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ครัวเรือนยังเปราะบางจากภาระหนี้สูงและยังต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบ COVID-19 และอาจได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพและดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจ สัดส่วนหนี้ภาคธุรกิจต่อ GDP ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และความสามารถในการทำกำไรโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังต้องติดตามฐานะการเงินของภาคธุรกิจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แนวโน้มปีนี้ืเอ็นพีแอล ยังขยับขึ้น จากกลุ่มเปราะบางทั้งรายบุคคล กลุ่มธุรกิจบางกลุ่มที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากช่วงโควิด ซึ่งในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธปท. ยังคงดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบหนัก อย่างไรก็ตามเอ็นพีแอล ที่เพิ่มขี้นในปีนี้ไม่น่ากังวล เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวดี และเชื่อว่าภาคท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีจากจีนเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามาก ทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นโดยเฉพาะภาคบริการ โรงแรม ร้านอาหารฟื้นตัวได้ดี”
นางสาวสุวรรณี กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง โดยปัจจุบัน โดยมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวยังคงมีอยู่ถึงสิ้นปี 2566 และหากหมดอายุ ธปท.จะทยอยปรับมาตรการเข้าภาวะปกติ แต่จะมีการพิจารณาให้แรงจูงใจแก่เจ้าหนี้ที่ยังข่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง เพราะลูกหนี้ที่เข้ามาตรการฯ ส่วนใหญ่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว จึงอยากให้ธนาคารยังคงดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง
“ธปท.จะมอนิเตอร์ธนาคารที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าธนาคารยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ เพราะถ้าเกิดหนี้เสียขึ้นมา ก็จะเป็นต้นทุนตั้งสำรองให้ธนาคาร”นางสุวรรณีกล่าว