ธปท. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย-ส.แบงก์รัฐ ร่วมเปิดตัวการให้บริการ dStatment หนุนขอ “สเตทเม้นท์แบงก์” ผ่านช่องทางดิจิทัล สำหรับยื่นสมัครใช้บริการการเงินต่างๆ เฟสแรกมีแบงก์ร่วมบริการ 6 แห่ง เริ่ม 24 ม.ค. 65 หนุนลดค่าบริการลูกค้าแบงก์ต่ำ 100 บาท จากเดิมคิดรายการละ 100 บาทขึ้นไป คาดปีนี้ยื่นขอสินเชื่อ 10 ล้านคำขอ อาจลดต้นทุนของระบบธนาคารลง 250-500 ล้านบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและสมาคมสถาบันการเงินของรัฐบาล (แบงก์รัฐ) ร่วมกันแถลงเปิดบริการ dStatement (digital bank statement) เป็นการให้บริการรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบดิจิทัลโดยตรงระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่ต้องการใช้ข้อมูล bank statement เป็นหลักฐานประกอบการสมัครขอใช้บริการทางการเงิน สามารถขอให้ธนาคารที่ตนเองมีบัญชีเงินฝากอยู่ ส่งข้อมูล bank statement ไปยังธนาคารแห่งอื่นได้โดยตรง ผ่านช่องทาง mobile banking application หรือช่องทางอื่นตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด
ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการใช้บริการทางการเงินยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องขอข้อมูลดังกล่าวในรูปเอกสารกระดาษ โดยในระยะแรกของการให้บริการ dStatement จะเริ่มใช้สำหรับการสมัครขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลและมีธนาคารที่เปิดให้บริการ dStatement ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จำนวน 6 ธนาคาร และจะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 5 ธนาคาร ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565
การให้บริการ dStatement ถือเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน” ซึ่งธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองที่มีอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกใช้บริการทางการเงินที่หลากหลายจากสถาบันการเงินแห่งอื่น ๆ ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และตรงตามความต้องการของตนเองยิ่งขึ้น และถือเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่จะช่วยสนับสนุนการยกระดับบริการทางการเงินสู่บริการทางการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การให้บริการ dStatement จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยรวม end-to-end คำขอละ 500 บาท รวมตั้งแต่ขั้นตอนนำส่งเอกสาร คีย์ข้อมูล การวิเคราะห์สินเชื่อ แต่หากใช้ระบบดิจิทัลช่วยดำเนินการ และมีการใช้บริการกันมาก จะยิ่งช่วยลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ หากมีการขอสินเชื่อ 10 ล้านคำขอ อาจช่วยลดต้นทุนของระบบธนาคารลดลง 250-500 ล้านบาท สำหรับการคิดค่าธรรมเนียมของ dStatement นั้น แต่ละธนาคารจะคิดอัตราที่แตกต่างกัน เนื่องจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ การขอ Bank Statement แบบกระดาษ แต่ละธนาคารจะกำหนดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไป จากการสำรวจ ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะคิดราคา 100 บาทต่อบัญชี หากขอย้อนหลังไม่เกิน 6 เดือน และคิดราคา 200 บาท ต่อบัญชี หากขอย้อนหลังตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ในกรณีที่ขอย้อนหลังมากกว่า 1 ปี ธนาคารบางแห่งคิดราคามากกว่า 200 บาท ขึ้นกับข้อจำกัดด้านระบบของแต่ละธนาคาร
“แบงก์ที่เข้าร่วมจะทยอยเริ่มให้บริการ dStatement แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมนี้ ซึ่งสามารถทำข้ามกันได้ทุกธนาคารที่ร่วมอยู่ในบริการนี้ หากธนาคารไหนที่ยังไม่เข้าร่วม ก็จะไม่สามารถเรียกขอ dStatement หรือส่ง dStatement ให้ธนาคารอื่นได้ สำหรับ dStatement จะช่วยสร้างกลไกตลาดและนโยบายการแข่งขันที่เปิดมากขึ้น Open Competition หรือ Open Data หรือ Open Infrastructure ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกใช้บริการธนาคารที่เหมาะสม” นายรณดลกล่าว
นายรณดล กล่าวว่า พัฒนาการด้านเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งให้ระบบการเงินของประเทศก้าวสู่โลกการเงินดิจิทัล ดังนั้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างให้ทั้งผู้ใช้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินสามารถใช้เทคโนโลยีและข้อมูลที่มีให้เกิดประโยชน์ เพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมในการให้บริการและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายอย่างเสรี จึงเป็นสิ่งสำคัญ
การเปิดตัวบริการ dStatement ในวันนี้ ถือเป็นการปักหมุดจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างในการแบ่งปันข้อมูล (open data ecosystem) เพื่อวางรากฐานที่จำเป็นให้ภาคการเงินไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งระบบนิเวศนี้จะช่วยปลดล็อกให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองเพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก สนับสนุนการพัฒนาบริการ dStatement มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สะดวก และเป็นธรรม โดยบริการ dStatement เป็นตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูลของภาคการเงิน เอื้อให้เกิดนวัตกรรมบริการทางการเงิน บนช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติม ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว และช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารแต่ละแห่งให้ สอดคล้องกับกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ในการนำระบบเทคโนโลยีมาสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมธนาคาร (Enable Country Competitiveness) ผ่านการสร้างแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ลดต้นทุนจากกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนกันโดยไม่จำเป็น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคธนาคารในอนาคต เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ หวังว่าบริการ dStatement นี้ จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในการใช้บริการการเงินดิจิทัล โดยในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า จะยังมีความร่วมมือในการขยายขอบเขตการให้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและรวดเร็ว ขณะที่ผู้ให้บริการสามารถพัฒนาบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น