กรุงศรี ชี้ธุรกิจญี่ปุ่น-บ. ข้ามชาติ ยังสนใจลงทุนในไทย ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อโต 3% มั่นใจตั้งรัฐบาลไม่กระทบลงทุน ยกระดับให้บริการ “ASEAN LINK" นำทัพลูกค้า.ราปุ่น-บ.ข้ามชาติ โตทั่วอาเซียน ชูตลาดอุตฯยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเกษตร ในประเทศเพื่อนบ้าน
นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPCMNC Banking ) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (กรุงศรี) ) ในฐานะผู้นำตลาดลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นด้วยเครือข่ายอง MUFG ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศทั่วโลก กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ กรุงศรีให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่ออาเซียน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของกรุงศรี หลังจากปีที่ผ่านมา ได้ให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติจากหลากหลายอุตสาหกรรมในการขยายธุรกิจสู่อาเซียนจนประสบความสำเร็จมากมาย ในปีนี้จึงได้เดินผน้ายกระดับบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจเพื่อเชื่อมต่อทั้งภูมิภาคอาเซียนด้วยบริการใหม่ ‘ASEAN LINK’ ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเติบโตใน 9 ประเทศทั่วทั้งอาเซียน และต่อยอดได้ในอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG โดยปีนี้ กรุงศรีตั้งเป้าหมายธุรกิจสินเชื่อลูกค้าธุรกิจข้ามชาติ เติบโต 3% ตามมิศทางเดียวกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้
สำหรับ ช่วงไตรมาสที่ 1/2566 สินเชื่อลูกค้าธุรกิจข้ามชาติ ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชะลอการขอสินเชื่อเพื่การลงทุน ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังนี้ มองว่าจะมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น
สำหรับฐานลูกค้าธุรกิจต่างชาติของกรุงศรี ปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ สัดส่วนรวม 75% ของบริษัทที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยทั้งหมด 4,500 บริษัท โดยกรุงศรีมีลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นจำนวน 3,400 บริษัท และบรรษัทข้ามชาติราว 300 บริษัท ซึ่งธนาคารยังคงเป็นผู้นำในตลาดนักลงทุนญี่ปุ่น
“ไทยยังเป็นที่สนใจลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น จึงเชื่อว่า ยังเห็นการลงทุนในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ญี่ปุ่นก็ติด 3 อันดับแรกของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยด้วย เราจึงคาดว่า ยังมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบดึงดูดการลงทุนต่างชาติ เช่น ทักษะแรงงาน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และความสะดวกในการลงทุน ส่วนเรื่องการจัดตั้ง รัฐบาลใหม่ เชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็จะสามารถดำเนินนโยบายได้ต่อเนื่อง และไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจการลงทุน
นายโอคุโบะ กล่าวเพิ่มว่า ส่วนใหญ่การลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ จะเปิดสำนักงานใหญ่ในไทย เพื่อเชื่อมต่อไปยังตลาดอาเซียน (Asean Link) ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการขยายการลงทุนในอาเซียน ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนาม อุตสาหกรรมเกษตรในกัมพูชา และอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในอินโดนีเซียและอินเดีย
สำหรับบริการ Krungsri ASEAN LINK พร้อมนำเสนอ โซลูชันทางการเงินให้กับลูกค้าแบบ Tailor-made โดยเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลด้านการตลาด รวมถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจเพื่อการควบรวมกิจการและการขยายการลงทุนในต่างประเทศ การพัฒนาและจัดตั้งสำนักงานธุรกิจในระดับภูมิภาค การให้บริการที่ปรึกษาทางกฎหมายและภาษีอากร และการจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น
นอกจากนี้ กรุงศรียังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการต่อยอดการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน และร่วมเป็นส่วนช่วยผลักดันสตาร์ทอัพสู่เวทีอาเซียนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนี้ การสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินการตามกรอบความยั่งยืน (ESG) การสร้างเครือข่ายและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และ Asean Link โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ และปิโตรเคมี”
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญของกรุงศรี และเครือข่ายที่แข็งเกร่งของ MUFG จะช่วยขยายโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตของทั้งธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รวมทั้งช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน”นายโอคุโบะ กล่าวทิ้งท้าย