กรุงศรี ฟินโนเวต เปิดแผนปี 66 ใส่เงินลงทุนสตาร์ทอัพ 1.6 พันล้านบาท เผยปีนี้เป็นปีแรกลุยลงทุนต่างประเทศ ครึ่งปีแรกเห็นดีล สตาร์อัพในไทย 2 รายและตปท. 3 รายในเวียดนาม-ฟิลิปปินส์-อินโดนีเซีย จ่อตั้งกองใหม่ "กองทุนบ่มเาพะ" อีก 1 พันล้าน ประเดิมลงทุนสตาร์อัพพรี-ซีรี่ส์ A 300 ลบ. ในกลางปีนี้ โชว์ที่ผ่านมา ลงทุน 19 สตาร์ทอัพ ได้ผลตอบแทนลงทุนปีละ 20% ปักธงแผน 3 ปีใช้เงินลงทุนมูลค่า 4 พันล้าน มุ่งสู่ Top CVC เคียงข้างปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่ยูนิคอร์นเพิ่ม
นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด บริษัทร่วมลงทุน(Corporate Venture Capital : CVC) ในเครือกรุงศรี เปิดเผยถึง ทิศทางการร่วมทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้านการธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่า ปีนี้ บริษัทมีแผนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์อัพทั้งในไทย และต่างประเทศที่เน้นประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งจะอยู่ในธุรกิจฟินเทค อีคอมเมิร์ซ และออโต้ โมบิล คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก คือ กองทุนเดิม คือ Finnoventure Fund ที่มีเป้าหมายลงทุนในสตาร์อัพ 10 บริษัท มูลค่า 1,000 ล้านบาท เน้นสตาร์อัพซีรี่ส์ A และกองทุนFinnoverse Fund มูลค่า 1,000 ล้านบาท (30 ล้านดอลลาร์) มีเป้าหมายจะลงทุน 1 ใน 3 ของมูลค่ากองทุนนี้ หรือ กว่า 300 ล้านบาท เน้นสตาร์อัพ พรี-ซีรีส์ A ซี่งในครึ่งปีแรกนี้ได้มีสตาร์อัพที่เจรจากันแล้วคาดจะเข้าลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพได้จำนวน 5 ดีลมูลค่ากิจการรวม 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นสตาร์อัพในไทยจำนวน 3 ดีล และต่างประเทศ 2 ดีล ส่วนที่เหลือจะเป็นแผนดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง
พร้อมกันนี้ ภายใน 1-2 เดือน บริษัทจะมีการจัดตั้งกองทุนใหม่อีก 1 กองทุน มูลค่า1,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำศูนย์บ่มเพาะสตาร์อัพใหม่ๆ ที่เป็นประเภท พรี ซีรี่ส์ A ซึ่งการจัดตั้งกองทุนนี้จะเป็นการร่วมทุนกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะเร่ิมลงทุนสตาร์ทอัพในกลางปีนี้ราว 300 ล้านบาท
"ในไตรมาสแรก จะเห็นการลงทุน สตาร์อัพในไทย 2 ดีล และต่างประเทศ 3 ดีล ปีนี้เรามีแผนใช้เงินลงทุนรวมๆ 1,600 ล้านบาท ปีนี้เป็นปีแรก ที่ลงทุนในต่างประเทศ ส่วนในไทยมีอยู่ 3-5 Deals ค่อนข้างโตแล้ว ซึ่ง Series A มาถึงมือเราน้อยมาก เราพยายามเข้าไปดูและไปช่วยมากขึ้น เป้าหมายการเข้าลงทุนสตาร์อัพต่างๆนี้ คาดหวังจะช่วยต่อยอดและเพิ่มศักยภาพการให้บริการทางการเงินของธนาคารกรุงศรี"
สำหรับที่ผ่านมากรุงศรี ฟินโนเวต ได้ลงทุนสตาร์ทอัพแล้ว 19 ราย รวมเป็นเงิน 2,700 ล้านบาท ผ่าน 2 กองทุน ( Finnoventure Private Equity Trust I และ Finnoverse Fund ) ปัจจุบันยังเหลือเงินลงทุนอีก 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง คาดจะลงทุนหมดราวปี 2567 แต่คาดว่ามีโอกาสจะขยายเงินทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนระยะกลาง 3 ปี (2566-2568) ในการลงทุนสตาร์อัพ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทได้จัดตั้ง 2 กองทุนส่วนบุคคล ผ่าน บลจ กรุงศรี ซึ่งเป็นมีกองทุนแรกมีมูลค่า 2,700 ล้านบาท ประกอบด้วย Finnoventure Private Equity Trust I และFinnoverse Fund ที่จะเน้นลงทุนใน web3 Blockchain ลงเพื่อเรียนรู้ ซึ่งได้ลงทุนทั้งหมด 19 Startup ผลตอบแทนเฉลี่ย 20%ต่อปี และในปี 2566 จะมีการจัดตั้งกองทุนที่สอง ค่อ กองทุนบ่มเพาะ ที่กำลังจะจัดตั้งเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทได้ปิดตัวโปรแกรมหลักล่าสุด ‘Krungsri UPcelerator’ ที่วางแผนจับมือร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ภายใต้แนวคิด ‘Accelerating the Sustainable Future’ ในธีม ‘โชว์เหนือ’ "
Krungsri UPcelerator’ กำหนดจัดงาน ‘Open house’ขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2566 ณSTeP โดยมีนายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งถือเป็นโปรแกรมที่จะเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพในพื้นที่ภาคเหนือได้ยื่นใบสมัครนำเสนอ Prototype หรือโปรดักส์ที่น่าสนใจมาเข้าร่วมโปรแกรม คาดหวังมีสตาร์ทอัพส่งใบสมัครไม่น้อยกว่า 50 ทีม โดยโปรแกรมนี้มีกำหนดรับสมัครถึงวันที่ 31 มกราคม2566 จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกให้เหลือ 12 ทีม เพื่อเข้าสู่ Bootcamp สุดเข้มข้นจากเหล่า Mentor ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการสตาร์ทอัพมาหลายปี การจัดในปีแรกนี้ กลุ่มผลงานที่โฟกัสในการให้เข้าร่วมประกวด จะโฟกัสกลุ่มธุรกิจที่คำนึงถึง ESG เป็นหลัก โดยจะเน้นธุรกิจที่สอดคล้องกับการส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมด้าน ESG Tech, Smart City, HealthTech, AI Robotics, FinTech, TravelTech และ Aging Society’ โดย Bootcamp นี้มีระยะเวลาถึง 2 เดือนเต็ม ก่อนที่จะเข้าสู่วัน Demo Day ที่จะไฟนอลผู้ชนะที่สามารถคว้าเงินรางวัล 300,000 บาทและได้มีโอกาสไปร่วมงาน RISE ASIA WORLD EXPO ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมไปถึงรางวัลพิเศษสำหรับ 3-5 ทีม ที่จะมีโอกาสได้ร่วมงานต่อยอดกันกับทาง Krungsri Innovation Center ต่อไป โดยจะได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนผ่านกองทุนใหม่ที่จะจัดตั้งในปีนี้