Economies

รมว. คลัง ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับ IMF บนเวทีเอเปค ชี้เศรษฐกิจเขตเอเปคโตต่อเนื่อง ชูนโยบายความร่วมมือรับมือโลกผันผวน
18 พ.ย 2565

การประชุมหารือทวิภาคีกับ IMF บนเวทีเอเปค ครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ รมว.คลัง ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจเขตเอเปคขยายตัวต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทาย เผยแนวนโยบายความร่วมมือไทย-อาเซียน-IMF พร้อมรับมือโลกเผชิญความผันผวน

 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการประชุมหารือทวิภาคีกับ Ms. Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยได้มีการหารือถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจการเงินและความท้าทาย รวมทั้งแนวนโยบายความร่วมมือระหว่างไทย อาเซียน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีนายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมการหารือ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565

 


 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับนาง Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF) ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผลการหารือที่สำคัญ ดังนี้  

 

1. ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการหารือถึงภาพรวมในประเด็นด้านเศรษฐกิจ โดย IMF มีความเห็นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคในปี 2565 จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยนาง Georgieva ได้ชื่นชมการบริหารจัดการนโยบายการคลังของไทย โดยเฉพาะการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ โดยที่เงินกู้ของรัฐบาลเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของสกุลเงินบาททำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งตัว 
 

2.นาง Georgieva เห็นว่าความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญในขณะนี้ ได้แก่ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยได้เสนอให้ประเทศไทยแบ่งปันประสบการณ์การรับมือกับปัญหาดังกล่าวแก่ประเทศอื่น และความท้าทายอีกประการหนึ่งก็คือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย IMF สนับสนุนการใช้กลไก Carbon Pricing 

 

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แจ้งว่าการใช้กลไกทางการเงินการคลังเพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวว่า ประเทศไทยมีโครงการธนาคารต้นไม้ที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำหน้าที่สนับสนุนการปลูกต้นไม้ในชุมชน สนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก กิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) รวมถึงโครงการสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) โดยกระทรวงการคลังยินดีจะหารือในรายละเอียดกับ IMF ในเรื่องของแนวทางการใช้มาตรการการลดคาร์บอนให้สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมต่อไป 

 

3. นอกจากนี้ นาง Georgieva ได้กล่าวสนับสนุนประเทศไทยในการส่งเสริมความร่วมมือในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค (Connectivity) โดย IMF พร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศไทย กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง และอาเซียนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com