สั่นสะท้านวงการพระเครื่องกันแล้ว เมื่อมีเหรียญดิจิทัล ชื่อ “Spmdejcoin” หรือ “สมเด็จคอยน์” เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลพระเครื่องรุ่นแรกและเหรียญแรกของโลก ที่สร้างขึ้นมาจำนวนจำกัด 66,186,727 เหรียญให้คนเป็นเจ้าของ
ปกติความขลังของพระสมเด็จก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อมีเหรียญ “สมเด็จคอยน์” ขึ้นมา เพิ่มกระแสความแรงพุ่งปรี้ดขึ้นไปอีก ที่สำคัญ ได้มีการแจกให้คนละ 1 เหรียญกระจายออกไปแล้ว บรรดานักเก็งกำไรในตลาดคริปโทฯ ได้ตุนไว้ในพอร์ตไปแล้ว แม้ว่ายังไม่มีตลาดหรือศูนย์ซื้อขายเปิดรองรับก็ตาม และเมื่อสิ่งใดที่ถูกกำหนดว่ามีจำนวนจำกัด มักจะมีผลต่อราคาเปลี่ยนแปลงตามดีมานด์และซัพพลายในตลาดแลกเปลี่ยนเสมอ
ก่อนอื่น มาดูกลไกของ Blockchain ที่ทำให้เกิดการเก็งกำไรกันก่อน
นั่นคือ นักพัฒนาฟินเทค ได้มีการใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงเครือข่ายการเก็บข้อมูลของผู้คนต่างๆที่เข้ามาใช้บริการ โดยข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บอยู่ในแต่ละบล็อก ๆ และต่อกันเป็นห่วงโซ่เป็นสาย ก็คือคนต่อๆไปที่เข้ามาร่วมวงในบล็อกเชนนั้นๆ แต่ละบล็อกเชนที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการหยิบยก “สิ่งของหนึ่งๆ” ที่สามารถตีมูลค่าได้ และกำหนดอยู่ในรูป “เหรียญดิจิทัล” เมื่อมีคนเข้ามาเป็นห่วงโซ่มากๆ ก็จะมีการตีมูลค่าและสร้างราคาซื้อขายเกิดขึ้น ใครที่เข้าถึงเร็ว จับทางเก่งก็จะมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากราคาที่วิ่ง
ทุกวันนี้ เรื่องของการออกเงินสกุลดิจิทัล ถูกนำมาต่อยอดทางธุรกิจทุกวงการ ไม่ว่าจะวงการเงิน อีคอมเมิร์ซ อสังหาฯ และอื่นๆ
แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรง เพราะล่าสุด เงินสกุลดิจิทัลได้เข้ามาต่อยอดเชิงพาณิชย์ในวงการพระศาสนาไทย
และมีคำถามตัวใหญ่ๆ ว่า เหรียญดิจิทัล ““SomdejCoin” ตัวย่อ “SDC ที่แจกกันนั้น ถูกกฎหมายหรือไม่? สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะ ผู้กำกับดูแลและพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ได้อนุมัติเองหรือไม่ การแจกเหรียญและมีการเทรดถือว่าถูกกฎหมายหรือไม่ สุดท้ายมีความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไรบ้าง
ก.ล.ต. ยังไม่อนุมัติการออกเหรียญดิจิทัล “Somdejcoin”
เรื่องนี้ มีคำตอบต่างๆจาก “นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล “ เลขาธิการ ก.ล.ต. ดังนี้
ประเด็นแรก ก.ล.ต. แจกแจงว่า ได้รับการหนังสือ 2 ฉบับ จากผู้ประสานงานวัดป่ามหาญาณ เพื่อหารือว่าเหรียญ SDC เข้าข่ายเป็นเหรียญสินทรัพย์ดิจิทัล 4 ประเภท ซึ่งห้ามมิให้ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนำมาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ ดิจิทัลตามกฎหมาย หรือไม่ ดังนั้น ก.ล.ต. จึงได้มีหนังสือ “ขอข้อมูลเพิ่มเติม” จากวัดป่ามหาญาณแล้ว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้ความเห็นต่อไป ในประเด็นเกี่ยวกับ
1. การใช้ชื่อสมเด็จมาเป็นชื่อเหรียญ รวมทั้งมีแผนจะนำเหรียญดังกล่าวไปซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีลักษณะเก็งกำไรนั้น การดำเนินการดังกล่าวมีประเด็นเรื่องความเหมาะสมที่อาจกระทบต่อพระพุทธศาสนา จึงให้ผู้ออกหารือและนำหนังสือความเห็นจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่ เกี่ยวข้องอื่น ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาว่า เหรียญดังกล่าว ไม่ขัดต่อกฎหมาย
2. ข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น เช่น กลไกในการใช้สิทธิประโยชน์ของเหรียญมี ลักษณะการดำเนินการอย่างไร อัตราในการนำเหรียญเพื่อใช้ในการแลกสิทธิประโยชน์เป็นอย่างไร รวมทั้งแผนที่จะ “เพิ่มเติม-เปลี่ยนแปลง” สิทธิประโยชน์ต่างๆ ในอนาคต จะมีหรือไม่ และหากมีการเปลี่ยนแปลงจะดำเนินการอย่างไร
3. การเปิดให้มีการซื้อขายเหรียญโดยหักภาษีในอัตราร้อยละ 9 ในทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วนที่เท่ากันเพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและช่วยเหลือสังคม นำไปเสริมสภาพคล่องในระบบ และนำไปเพิ่มเหรียญให้แก่ผู้ถือเหรียญ อันอาจมีลักษณะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการถือครองเหรียญเพื่อการลงทุนมากกว่าการทำบุญ จึงมี “ข้อสังเกต” ว่ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเหรียญในการทำนุบำรุงศาสนา และช่วยเหลือสังคม รวมทั้งถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวัดหรือไม่
ทั้งนี้ เหรียญ 4 ประเภทตามประกาศข้างต้น ได้แก่
- เหรียญที่ออกโดยไม่มีวัตถุประสงค์หรือสาระชัดเจนหรือไม่มีสิ่งใดรองรับโดยมีราคาขึ้นอยู่กับกระแสใน โลกโซเชียล (Meme Token)
- เหรียญที่ออกโดยมีลักษณะเกิดจากกระแสความชื่นชอบส่วนบุคคล (Fan Token)
- โทเคนดิจิทัลที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีมาใช้แสดงความเป็นเจ้าของหรือให้สิทธิในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือที่ เฉพาะเจาะจง โดยไม่สามารถใช้โทเคนดิจิทัลประเภทและชนิดเดียวกันและจำนวนเท่ากันแทนกันได้ (Non Fungible Token)
- โทเคนดิจิทัลที่ออกโดยผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเองหรือบุคคลซึ่งมีความเกี่ยวข้องเพื่อ วัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์สำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชน
คนถือเหรียญ SDC ตอนนี้ ยังไม่มีตลาดเทรด
ประเด็นที่ 2. การแจกคนละ 1 เหรียญ และมีเทรดด้วย ทำได้หรือไม่ ก.ล.ต. ตอบว่า การจัดสรรเหรียญให้แก่ผู้ถือด้วยการแจกสามารถ “ทำได้” (เป็นการให้ฟรี ไม่มีการเสนอขาย) แต่ในส่วนของการเทรดปัจจุบันยังไม่มีการเทรดกับผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย อย่างไรก็ดี หากผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องการนำเหรียญดังกล่าวเข้ามาซื้อขายในกระดานจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนด listing rule ของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
เตือนผู้ลงทุนเหรียญ SDC ระวังความเสี่ยง
ประเด็นสุดท้าย ข้อควรระวังต่อการลงทุนดังกล่าวนั้น เนื่องจากข้อมูลในเบื้องต้นลักษณะของเหรียญ SDC ยังไม่เข้าข่ายเป็นเหรียญที่ต้องได้รับอนุญาตให้เสนอขาย จาก ก.ล.ต. และข้อมูลยังมีความไม่ชัดเจนในบางเรื่อง ดังนั้น จึงขอให้ผู้สนใจศึกษาข้อมูลและใช้ความระมัดระวังใน การตัดสินใจซื้อขาย ทั้งนี้ เนื่องจากเหรียญดังกล่าวใช้ชื่อสมเด็จและเป็นกิจกรรมของวัด จึงอาจมีความเกี่ยวข้องและต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย โดย ก.ล.ต. ได้แจ้ง ผู้พัฒนา (ตามคำตอบข้อ 1)
คนที่ถือเหรียญดิจิทัล “สมเด็จคอยน์” ได้อะไรบ้าง
เหรียญดิจิทัล SDC นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดย “วัดป่ามหาญาณ “ มีวัตถุประสงค์ ต้องการให้คนไทยเข้าถึงเหรียญสมเด็จดิจิทัลนี้ ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมของชาวไทยและขาวเอเชีย รวมทั้งยังเป็นเหรียญที่เข้ามามาช่วยเหลือสังคมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยผ่านอัตราภาษี 9%
ทำไม เหรียญ SDC ถึงมีจำนวนกว่า 63 ล้านเหรียญ เพราะต้องการให้เท่ากับจำนวนประชากรไทยในปี 2563 ผู้พัฒนาเหรียญต้องการให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงเหรียญอย่างน้อยคนละ 1 เหรียญ เพื่อเป็นเหรียญที่ระลึกและสืบทอดมรดกโลกให้กับคนรุ่นต่อๆไป
เหรียญ “สมเด็จคอยน์” พัฒนาด้วยบล็อกเชนจากระบบ Binance Smart Chain (BSSC) ใครที่จะถือเหรียญดิจิทัลนี้ จะต้องตรวจสอบว่าเป็นของปลอมหรือไม่ด้วย เพราะ SCD ของแท้จะมีเลข Contract ด้วย ตรวจสอบได้ที่ somdejcoin.om
การทำงานของเหรียญ SDC จะหักภาษี นำไปบำรุงศาสนาและช่วยเหลือสังคมในประเทศไทย โดยทาง “วัดป่ามหาญาณ” จะเป็นตัวแทนในการช่วยเหลือสังคมและมูลนิธิทั่วประเทศไทย ซึ่งเหรียญสามารถนำไปใช้ในการซื้อดอกไม้ ธูปเทียน สังฆทาน เช่าพระเครื่องในวัดได้ และยังสามารถนำเหรียญ SDC ไปบริจาคให้กับวัดทั่วประเทศไทย โดยจะต้องติดต่อผู้พัฒนาเหรียญดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญ SDC เป็นเงินบาทผ่านระบบ Exchange ต่างๆ ทั้งนี้มูลค่าของเหรียญขึ้นอยู่ภับภาพราคาตลาดหรือศูนย์แลกเปลี่ยนนั้นๆ
สรุป เหรียญดิจิทัล “สมเด็จคอยน์” ยังอยู่ระหว่างกระบวนการขอข้อมูลเพิ่มเติมของก.ล.ต. เท่ากับว่าเหรียญนี้ยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติ และยังไม่มีใครมาขอเปิดตลาดรองรับการซื้อขาย จึงยังไม่สามารถเทรดได้ เพราะฉะนั้น ใครที่จะหลวมตัวไปซื้อต่อ ต้องระวังความเสี่ยงด้วย หากไม่พร้อมรับความเสียหาย อย่าวิ่งไปรับช่วงซื้อต่อ