FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว นักลงทุนคาดหวังภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวและนโยบายทางการเงินของ FED เป็นปัจจัยหนุน ขณะที่กังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ และนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ FED
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 103.92 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 60.9% จากเดือนก่อนหน้ากลับมาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยนักลงทุนมองว่า การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รองลงมาคือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และภาวะเงินเฟ้อจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกรกฎาคม 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 60.9% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 103.92
กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” กลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ทรงตัว” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ซบเซา”
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยว
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“ผลสำรวจ ณ เดือนกรกฎาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 54.8% อยู่ที่ระดับ 107.69 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 125.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 12.6% อยู่ที่ระดับ 76.47 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 75.0% มาอยู่ที่ระดับ 100.00
ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบอยู่ระหว่าง 1,533.37—1,576.41 จากความกังวลต่อการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก (Recession) โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่อัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี ความกังวลต่อสถานการณ์พลังงานในยุโรปจากการที่บริษัทพลังงานในรัสเซียประกาศลดปริมาณส่งก๊าซไปยังยุโรป รวมถึงสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดคลายกังวลต่อการคาดการณ์การปรับอัตราดอกเบี้ยของ FED ซึ่งมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ 0.75% ส่งผลให้ในเดือนกรกฎาคม SET index ปิดที่ 1,576.41 จุด ณ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.5% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในเดือนกรกฎาคม 4,662.35 ล้านบาทหลังจากขายสุทธิเมื่อเดือนก่อน
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ยืดเยื้อของสงครามรัสเซียยูเครน และ ความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน-ไต้หวัน ความสามารถในการควบคุมเงินเฟ้อของ FED และ ECB การรับมือกับสถานการณ์ขาดแคลนพลังงานในยุโรป ผลประกอบการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และปัญหาค่าเงินในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา ลาว ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ชัดเจนขึ้นหลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การเฝ้าระวังการระบาด Covid-19 ในประเทศ”