Economies

 ซิตี้แบงก์ ชี้ศก.โลกเสี่ยงสภาพคล่องฝืด ชงพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว-2กองทุนหุ้นเด็ด
10 ส.ค. 2565

ซิตี้แบงก์ ส่องเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง เสี่ยงสภาพคล่องฝืดทั่วโลกทั้งเงินเฟ้อพุ่ง ราคาพลังงานกดดัน ความไม่สมดุลของห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทาน  แนะปรับพอร์ตลงทุนกระจายเสี่ยงรับภาวะตลาดผันผวนและดอกเบี้ยขาขึ้น ชูตราสารหนี้ระยะยาว  หุ้นที่อุตฯโตระยะยาว-รายได้สม่ำเสมอ อาทิ พลังงานสะอาด กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน ฟินเทค และเฮลท์แคร์ และลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกให้ผลตอบแทนดี


 ธนาคารซิตี้แบงก์ จับชีพจรเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยสภาพคล่องทั่วโลกฝืด นำโดยเงินเฟ้อสูง-นโยบายการเงินที่เข้มงวด-ราคาพลังงาน ปัญหาห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลที่ยังกดดัน ด้านสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ อย่างสหรัฐมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ฉุดเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ฝั่งจีนกลับทยอยฟื้นตัว แม้ยังได้รับแรงกดดันจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ด้านเศรษฐกิจไทย ได้หั่น GDP ปีนี้โตเหลือ 3.5% แม้ภาคท่องเที่ยวเริ่มกลับมา แตได้รับผลกระทบจากจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว พร้อมยืนคาดการณ์ กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สามครั้งภายในปีนี้และปีหน้า พยุงเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มทยอยฟื้นตัว ชี้ภาพรวมตลาดการลงทุนยังคงมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง  โดยคง "มองบวก" ต่อตราสารหนี้คุณภาพสูงที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อม แนะการลงทุนครึ่งปีหลัง 2565 ได้แก่ ลดถือเงินสด โยกเข้าลงทุนกลุ่มตราสารหนี้ที่คาดจะให้ผลตอบแทนที่ดี  แลละลงทุนในผู้นำอุตสาหกรรมระยะยาว-มีรายได้ดีสม่ำเสมอ เช่น กลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน ฟินเทค กลุ่มการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม (Healthcare) ฯลฯ พร้อมกระจายเงินลงทุนทางเลือกนอกเหนือจากสินทรัพย์หลัก เพื่อรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว พร้อมเสนอ 2 กองทุนใหม่ ได้แก่ เวลลิงตัน โกลบอล เฮลท์ แคร์ ฟันด์ ลงทุน Health Care ทั่วโลก และ เวลลิงตัน เอเชีย เทคโนโลยี ฟันด์ 


มร.เคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 นักวิเคราะห์ซิตี้ คาดการณ์ว่าทั่วโลกยังต้องเผชิญกับสภาวะสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังสูงในหลายประเทศ ปัญหาห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทานที่ไม่สมดุล นโยบายและมาตรการด้านการเงินและธนาคารของแต่ละประเทศที่เข้มงวดขึ้น ปัญหาราคาพลังงานจากเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน เป็นต้น 

 

ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจ นำโดยสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังพบอุปสรรคจากทั้งปัญหาเงินเฟ้อยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง อัตราการว่างงานและการปรับขึ้นค่าจ้าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยกเว้นก๊าซธรรมชาติ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการ ตลอดจนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เดินหน้าอัตราดอกเบี้ยนโยบายเชิงรุกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้นักวิเคราะห์ซิตี้มองว่ากว่าสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะกลับไปยังจุดเดิมก่อนเกิดสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน อาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 10 ปี 

 

ในขณะที่ประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ แม้ยังได้รับแรงกดดันจากนโยบายควบคุมโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID Policy) โดยพบว่าดัชนี PMI ภาคบริการมีการดีดตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลจีนได้เตรียมออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดทุน โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจประเทศ

 

จากข้อมูลข้างต้นทำให้ภาพรวมตลาดการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง จากความผันผวนของตลาดหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล แต่นักวิเคราะห์ซิตี้มีมุมมอง "บวก" ต่อตราสารหนี้คุณภาพสูงที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่อัตราผลตอบแทนคงที่ได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่พันธบัตรสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม นอกเหนือจากการถือครองเงินสดเพียงอย่างเดียว

 

อย่างไรก็ดียังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดเพิ่มเติมได้ เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นนักลงทุนควรจับตาประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว พร้อมกันนี้ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ได้แก่ 

 

•Bonds are Back! – ยังแนะนำให้ลดการถือเงินสดด้วยการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ระยะยาวที่คาดการณ์ว่า จะให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง (Treasury bill) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (10-year US Treasuries) เป็นต้น 

 

•Long term leaders – การลงทุนในผู้นำอุตสาหกรรมระยะยาว เพื่อแสวงหาผลตอบแทนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ มีรายได้สม่ำเสมอและมีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลและมีการเติบโตของการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า กลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน ฟินเทค กลุ่มการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม ตลอดจนกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

 

•Alternative Investments in Uncertain Times – การลงทุนทางเลือกนอกเหนือจากสินทรัพย์หลักในช่วงตลาดผันผวนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว เช่น กองทุนบริหารความเสี่ยง หรือในสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด หรือหุ้นนอกตลาด (Private Equity) เป็นต้น

 

นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ซิตี้คาดหวังถึงการมาถึงของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 และในปี 2566 จากปัจจัยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยที่แสดงให้เห็นถึงแข็งแกร่งกว่าที่คาด อันเป็นผลจากการที่ภาครัฐยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง รวมถึงการที่ประเทศเพื่อนบ้านกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดซิตี้มองว่ามีแนวโน้มที่จะยังคงขาดดุลในปี 2565 สืบเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงและการใช้จ่ายในภาคค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น แต่ในปี 2566 มองว่าการเกินดุลจะเริ่มทยอยสูงขึ้นจากรายได้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่กลับมา

 

โดยซิตี้ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีไทยในปี 2565 ลดลงเล็กน้อยที่ 3.5% จากเดิม 3.6% และปี 2566 อยู่ที่ 4.5% จากเดิม 4.8% เนื่องด้วยสถานการณ์การใช้จ่ายภาครัฐ และการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว รวมถึงซิตี้ยังคงความคาดการณ์ว่า กนง. จะเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สามครั้ง โดยครั้งแรกคือในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 และอีกสองครั้งภายในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ก่อนหน้านี้เช่นเดิม

 

ด้าน นางสาวเจน โอเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ซิตี้แบงก์ได้เตรียมนำเสนอกองทุนใหม่ ๆ ให้ลูกค้าซิตี้โกลด์ รวมถึงซิตี้ไพรออริตี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การเติบโตด้านการลงทุน ล่าสุดกับการจับมือ เวลลิงตัน เมเนจเมนท์ (Wellington Management) บริษัทชั้นนำด้านบริหารกองทุนในสหรัฐฯ นำเสนอ 2 กองทุนเปิดใหม่ล่าสุด ได้แก่ เวลลิงตัน โกลบอล เฮลท์ แคร์ ฟันด์ (Wellington Global Health Care Equity Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนในบริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพทั่วโลก และ เวลลิงตัน เอเชีย เทคโนโลยี ฟันด์ (Wellington Asia Technology Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันทั้งสองกองทุนเป็นกระแสการลงทุนที่น่าจับตามอง

 

นอกจากนี้ซิตี้แบงก์ยังนำเสนอบริการการลงทุนได้ทั่วโลกกว่า 200 กองทุน จากพันธมิตรที่หลากหลายกับ 5 บลจ. ในประเทศและ 13 บลจ.ต่างประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายของกองทุนทั้งประเภทของสินทรัพย์ และภูมิภาคของการลงทุน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า อาทิ บริการผู้ดูแลบัญชีที่พร้อมให้บริการคำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่าง ๆ การลงทุนให้กับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ พร้อมทั้งให้ลูกค้าสามารถบริหารความมั่งคั่งสะดวกในทุกโอกาสผ่านซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน โดยลูกค้าสามารถทำการซื้อ-ขายกองทุนได้ด้วยตัวเอง การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพอร์ทการลงทุน การโอนเงินผ่านทางพร้อมเพย์ไปยังต่างธนาคาร หรือโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศได้ง่าย ๆ รวมถึงสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ลูกค้าซิตี้โกลด์สามารถรับข้อเสนอพิเศษรับซื้อและขายกองทุนผ่านซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน รับเครดิตเงินคืนค่าธรรมเนียมการซื้อ 5%* หรือสูงสุด 150,000 บาท* เมื่อมียอดซื้อกองทุนรวมที่ร่วมรายการขั้นต่ำรวม 100,000 บาท พร้อมรับเครดิตเงินเคืนเพิ่มสูงสุดอีก 150,000 บาท* เมื่อลงทุนด้วยเงินลงทุนใหม่ในกองทุนที่ร่วมรายการ สำหรับลูกค้าใหม่รับเครดิตเงินคืนสูงสด 15,800 บาท* เมื่อเปิดบัญชีใหม่และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซิตี้ และรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุด 2%  ต่อปี 3 เดือน ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565  

 


 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com