Economies

HSBC Global Private Banking แนะกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1 ในธีม “กลไกขับเคลื่อนการเติบโตในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง”
21 ม.ค. 2568

เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง (HSBC Global Private Banking) คาดการณ์ ครึ่งแรกของปีนี้สินทรัพย์การลงทุนที่มีความเสี่ยงจะได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง การขยายตัวของการเติบโตของรายได้บริษัทจดทะเบียน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ชี้ลงทุนในหุ้นจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ ในขณะที่ตราสารหนี้มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการถือเงินสด มองเชิงบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็ง คาดสิ้นปี  คาดสิ้นปีนี้เงินบาทอ่อน 36 บาท/ดอลลาร์

 

มร.วิลเลม  เซลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุนระดับโลก (Global Chief Investment Officer) ของเอชเอสบีซี ไพรเวท แบงกิ้ง และเวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2567 พอร์ตการลงทุนที่กระจายในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก(multi-asset portfolios) ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินสดอย่างมาก และเราคาดหวังว่าแนวโน้มผลตอบแทนสูงใน multi-asset portfolios นี้จะยังดำเนินต่อไปในปี พ.ศ. 2568 ทั้งนี้ แม้นโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะมีผลกระทบต่อความไม่แน่นอนของนโยบายในประเทศ การค้า และการคลัง แต่เราเชื่อว่าการปรับลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบทางการค้าจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในสหรัฐฯ ซึ่งสิ่งนี้ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นต่างประเทศทั่วโลก และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนั้น เรายังเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นในสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น อินเดีย และสิงคโปร์ เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตและมีอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม

 

เมื่อสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ลูกค้ายอมรับความเสี่ยงสูงได้ส่งผลกระทบให้ความน่าสนใจของตราสารหนี้ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง และส่วนต่างของผลตอบแทนของตราสารหนี้บริษัทเอกชนและกับตราสารหนี้ของรัฐบาลไม่มากนัก เราจึงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อตราสารหนี้ต่างประเทศทั่วโลก และเน้นไปที่ active fixed income strategies ท่ามกลางความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการค้าจะเพิ่มความต้องการสินทรัพย์ที่เน้นลดความเสี่ยง (tail-risk hedges) และการกระจายพอร์ตการลงทุน จึงทำให้เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำและกองทุนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ตลอดจนกระจายการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ที่ซื้อขายกันนอกตลาดหรือ Private Market

 

“จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งทั่วโลก (ยกเว้นธนาคารกลางญี่ปุ่น) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อีกสามครั้งในเดือนมีนาคม มิถุนายน และกันยายน พ.ศ. 2568 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงเป้าหมายที่ 3.50%-3.75% ภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2568” มร.วิลเลม กล่าวเสริม

 

เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง แนะ 4 กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1 ปี 2568

 

(1) คว้าโอกาสจากปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้บริษัทจดทะเบียนเนื่องมาจากนโยบายเชิงสนับสนุนและนวัตกรรม“หลังจากที่มูลค่าตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในปี พ.ศ.2567 และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางในปี พ.ศ. 2568 เรามองหาบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด โดยเราจะใช้ประโยชน์จากนโยบายอุตสาหกรรมและการคลังที่เอื้ออำนวย รวมถึงนวัตกรรม AI ซึ่งเป็นสองแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในปี พ.ศ.2568” มร.วิลเลม กล่าว

 

โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ และเอเชียจะได้รับประโยชน์จากนโยบายอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการใช้จ่ายขององค์กรจะช่วยผลักดันภาคเทคโนโลยีทั่วโลก โดยมีธีมการลงทุนที่น่าจับตามอง เช่น Intelligent Automation & AI, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และNextGen Medicines โดยเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งสนับสนุนธีมการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ทั้งนี้ สิ่งเหล่านี้ยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้

 

(2) รับมือกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโนบายด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและตราสารหนี้เชิงรุก

“เราคาดว่าผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่าตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกจากการที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังช่วยสนับสนุนการประเมินมูลค่าหุ้นอันเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง โดยกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายจะได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของโอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่างเช่น มีปัจจัยหนุนการเติบโตของหุ้น ค่าความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ที่ต่ำ และผลตอบแทนของหุ้นกระจายตัว(dispersion) ซึ่งความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงในขณะที่ตลาดปรับตัวต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้เชิงรุกสามารถสร้างผลตอบแทนที่หลากหลายก้าวข้ามขีดจำกัดของการลงทุนทั่วไปในตลาดหุ้นและภาคส่วนต่าง ๆ โดยปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง” มร.วิลเลม กล่าว

 

(3) เพิ่มการกระจายการลงทุนไปยังตลาดสินทรัพย์ที่ซื้อขายกันนอกตลาด (Private Market)และกองทุนเฮดจ์ฟันด์

“กว่า 85% ของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งบริษัทเหล่านี้อยู่ในสถานะบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดฯ นานเท่าไหร่ นักลงทุนยิ่งจำเป็นต้องเพิ่มการเปิดรับตลาดสินทรัพย์ที่ซื้อขายกันนอกตลาด (Private Market)เพื่อใช้คว้าโอกาสการเติบโตนี้ เรากระจายการลงทุนในหุ้นนอกตลาดและตราสารหนี้นอกตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ไม่สามารถหาได้ในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการลงทุนทั่วไปควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์มีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงและผลตอบแทนของหุ้นกระจายตัว” มร.วิลเลมกล่าว

 

(4) ชี้ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคเอเชียกำลังเติบโต

เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนด้านการค้าที่ยกระดับขึ้นหลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เรามุ่งเน้นไปที่การค้นพบความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคและโอกาสที่หลากหลายในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในเอเชีย เราคาดการณ์ว่า GDP ของเอเชีย (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) จะยังคงแข็งแกร่งที่อัตรา 4.4% ในปี พ.ศ. 2568 และอัตราภาษีศุลกากรที่ overhang ยังช่วยกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสการเติบโตแก่ผู้นำด้านการผลิตสินค้าระดับไฮเอนด์ด้วยความสามารถแข่งขันในระดับโลก

 

“ในสภาวะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เรามีมุมมองเชิงบวกต่อสกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์ รูปีของอินเดีย และรูเปียห์ของอินโดนีเซีย โดยได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนสูง ความพึ่งพิงการค้าที่ลดลง และความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง” มร.วิลเลม กล่าว

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com