Economies

EXIM BANK โชว์ไตรมาส 1/66 อนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ทะลุ 1 หมื่นล้าน โกยลูกค้าฝหม่เพิ่มกว่า 6,000 ราย
3 พ.ค. 2566

 

 

EXIM BANK เผยผลงานไตรมาสแรกปีนี้ มีวงเงินสินเชื่ออนุมัติใหม่ 10,252 ล้านบาทเป็นวงเงินลูกค้า SMEs 4,022 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 161,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7.27% ยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการลงทุน 119,018 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 42,992 ล้านบาท ฐานลูกค้าเติบโตขึ้นเป็น 6,191 ราย เพิ่มขึ้นถึง23.28% โดยเป็นลูกค้า SMEs มากถึง 83.91% สะท้อนเป้าหมายบทบาทการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา และการสนับสนุนคนตัวเล็ก พร้อมทั้งสนับสนุนด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการแล้วประมาณ 24,000 ราย วงเงินรวมกว่า 91,200 ล้านบาท 

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกปี 2566 (เดือนมกราคม-มีนาคม 2566) ว่า  มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 10,252 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 4,022 ล้านบาท และ EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้าง 161,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,947 ล้านบาท หรือ 7.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการลงทุน 119,018 ล้านบาท อันเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน โลจิสติกส์ และภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และในการสนับสนุนตามนโยบายภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) และมียอดคงค้างสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 42,992 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 27% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด 

 

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 EXIM BANK มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 60,759 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และ New Frontiers ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่EXIM BANK ให้การสนับสนุน จำนวน 50,182 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 31% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด

 

นอกเหนือจากการให้สินเชื่อแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนEXIM BANK ยังเร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี2566 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ50,342 ล้านบาท 

 

จากการมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและประกัน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 6,191 ราย เพิ่มขึ้นถึง 23.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นลูกค้า SMEs มากถึง 83.91% สะท้อนการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและอยู่เคียงข้าง SMEs ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย EXIM BANK ร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดตัว “สินเชื่อ One SMEs” เงินทุนหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังการส่งออก เพื่อลดระยะเวลาการทำสินเชื่อ SMEs และ “คลินิก EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” เพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินและให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาธุรกิจอย่างครบวงจรโดยมีผู้เข้ารับคำปรึกษาจำนวน 670 ราย 

 

นอกจากนี้ ยังออก “สินเชื่อ EXIM Green Start” พัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรและใส่ใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง EXIM BANK เป็นธนาคารแรกที่ได้เริ่มปรับใช้Thailand Taxonomy กับสินเชื่อ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของธนาคารในด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุน ทั้งมิติความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และเงินทุน เพื่อ “เติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน” ให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคงและเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคมของปี 2566 EXIM BANK ได้ช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการประมาณ24,000 ราย ด้วยวงเงินรวมกว่า 91,200 ล้านบาท 

 

สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 5,168 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 เท่ากับ3.20% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 13,151 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 254.45% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 EXIM BANK มีกำไรก่อนสำรอง678 ล้านบาท และกำไรสุทธิเท่ากับ 305 ล้านบาท

 

“ในปี 2566 EXIM BANK ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve และ BCG Economy) สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและมาตรฐานสากล ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการ และนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป” ดร.รักษ์ กล่าว

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com