Economies

บลจ.อีสท์สปริงวางกลยุทธ์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ จากความเชี่ยวชาญการลงทุนและเครือข่ายระดับโลก
25 ส.ค. 2566

บลจ.อีสท์สปริง วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยความเชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก ให้ความสำคัญกับการสร้างทางเลือกคุณภาพและหลากหลาย พร้อมวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างความสำเร็จในการลงทุนให้ลูกค้าทุกกลุ่ม 

 

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง บริษัทจัดการสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล เปิดเผยว่า บลจ.อีสท์สปริง ภายหลังการควบรวมระหว่างบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาตสำเร็จ ได้ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมไปกับการสร้างความแข็งแกร่งของระบบงานภายในเพื่อเสริมศักยภาพ รวมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าทั่วไป และลูกค้าสถาบัน 

 

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (Asset Under Management หรือ AUM) อยู่ที่ 3.6 แสนล้านบาท และยังสามารถครองสัดส่วนการตลาดธุรกิจกองทุนรวมเป็นอันดับ 6 มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการอยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 6.87% (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธันวาคม 2565)  

 

สิ่งที่โดดเด่น คือ การเป็นผู้เชี่ยวชาญในเอเชียที่มีมุมมองการลงทุนระดับโลก ด้วยจุดแข็งของทีมงานด้านการลงทุนของบลจ.อีสท์สปริง ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 15 ปี ผสานกับเครือข่ายระดับสากลของ Eastspring Investments ประเทศสิงคโปร์ ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการลงทุน โดยเฉพาะการสร้างโอกาสในการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Funds หรือ FIFs) 

 

ส่งผลให้บริษัทฯ ครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวม FIF ประเภทตราสารหนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 28% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท จากกองทุนรวม FIF ทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ที่ 17% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 1.18 แสนล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธันวาคม 2565)

 

และเรายังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ครอบคลุมและหลากหลาย จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างของเราคือ การมีกองทุนให้เลือกหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ สิ้นปี 2565 กว่า 5.7 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธันวาคม 2565)

 

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์อีสท์สปริงเป็นที่ยอมรับจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น มี 3 แนวทาง คือ 1) มุ่งเน้นการสร้างทางเลือก พร้อมกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีให้กับผู้ที่ประสงค์จะมีอิสระทางการเงินหลังเกษียณ ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย และมีคุณภาพ รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการจัดการพอร์ตการลงทุนได้ตามความต้องการผ่าน FundLink Online และ FundLink M Choice ซึ่งในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยสามารถเลือกการลงทุน และปรับสัดส่วนการลงทุนได้ ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้นจาก PVD Application ใหม่ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ 2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Best in Class แล้ว บริษัทฯ ยังเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานประโยชน์ของกองทุนรวมและประกันเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นทางเลือกและส่วนประกอบในพอร์ตการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3) การนำระบบงานด้านการจัดการลงทุนชั้นนำของโลกเข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยเป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง ตลอดจนประเมินแหล่งที่มาของผลตอบแทน (Attribution Analysis) บน One Single Platform เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด ในการบริหารกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล 

 

 

ในปีนี้ บลจ.อีสท์สปริง ประสบความสำเร็จจากผลการดำเนินงานด้านกองทุนรวม คือ การได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 ประเภทกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตราสารหนี้ จากวารสารการเงินธนาคาร และด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประเภท Pooled Fund 7 ปีซ้อน (2558-2565) ซึ่งจัดโดย สมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

 

ด้านนายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในช่วงต่อจากนี้ ในมิติของเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวแต่อาจไม่ถึงกับถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจจีนถึงแม้จะเติบโตต่ำกว่าที่คาด แต่เริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังเริ่มทยอยออกมา ทำให้ภาพของเศรษฐกิจโลกอาจเป็นลักษณะของการชะลอตัว ในส่วนของเงินเฟ้อที่กดดันธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ในปีนี้เงินเฟ้อเริ่มเห็นการชะลอตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ปีนี้โดยเฉพาะไตรมาส 3 อาจเป็นการจบรอบของดอกเบี้ยขาขึ้นโดยเฉพาะฝั่งของสหรัฐฯ และอาจรวมถึงยุโรปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอีกสักระยะ ส่งผลให้การลงทุนยังมีความผันผวน

 

“หากไปดูภาพของการลงทุนเราเริ่มเห็นการหยุดปรับประมาณการกำไรลดลงของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะสหรัฐฯและยุโรปที่เริ่มมีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ระดับมูลค่าการซื้อขาย (P/E) บางดัชนีของตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มสูงขึ้น แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยที่เป็น Fair Value เช่น ตลาดหุ้นโลก ตลาดหุ้นเอเชีย และยังมีบางตลาดที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ยังถูกกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง เช่น ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นเวียดนามเป็นต้น” นายยิ่งยงกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า การลงทุนยังมีความน่าสนใจ แต่ด้วยระดับราคาที่ขึ้นมาพอสมควรอาจต้องมีการกระจายการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดการกระจุกตัวในการลงทุนในสินทรัพย์ใดเพียงอย่างเดียว หรือตลาดใดเพียงอย่างเดียว 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com