บริดจ์ แคปปิตอลเปิดตัว "ธุรกิจสินเชื่อระยะสั้นและผลิตภัณฑ์ร่วมลงทุนในหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน’เป็นแห่งแรก พร้อมตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อมีมูลค่า 250 ล้านบาท ภายในปี 67 ด้านผู้ร่วมลงทุน จะได้รับดอกเบี้ยสูง 5-8%ต่อปี จ่ายทุกเดือน ถือครบ 5 ปี รับเงินต้นครบจำนวน ความเสี่ยงต่ำ-เพิ่มผลตอบแทน ชูทางเลือกกระจายลงทุนของพอร์ต
บริษัท บริดจ์ แคปปิตอล แมเนจเม้นท์ จำกัด (บริดจ์ แคปปิตอล) ภูมิใจนำเสนอธุรกิจสินเชื่อระยะสั้นและผลิตภัณฑ์ร่วมลงทุนในหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน (Secured Private Credit Business and Real-Estate Investment Participation Product) แห่งแรกในประเทศไทย โดยบริดจ์ แคปปิตอลจะเป็นทั้งผู้ร่วมลงทุนและเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างนักลงทุนรายย่อยที่มองหาการลงทุนในสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำ กับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนในระยะสั้น ด้วยเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง พร้อมทั้งประสบการณ์ทำงานและความเชี่ยวชาญอันยาวนานของผู้ร่วมก่อตั้ง บริดจ์ แคปปิตอลตั้งเป้ามูลค่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตอยู่ที่ 250 ล้านบาท ภายในปี 2567 คาดจะมีผู้ร่วมลงทุนราว 5-7 ราย
ทั้งนี้ บริษัทก่อตั้งโดยผู้บริหารที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการเงิน ได่แก่ ผู้บริหารจากบริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นแนวหน้าของประเทศไทย อีกทั้งยังมีนายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็คผู้ก่อตั้ง บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์อีกด้วย
นายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจ์ แคปปิตอล แมเนจเม้นท์จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการจัดตั้งธุรกิจสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและมีความโปร่งใส่ เพื่อให้บริการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนแก่ผู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในประเทศไทยเป็นหลักประกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากยังประสบปัญหาในการขอเงินกู้จากแหล่งสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม แม้ว่าจะมีอสังหาริมทรัพย์มาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ตาม ด้วยเหตุนี้หลายครั้งที่ผู้ประกอบการจึงหันไปพึ่งการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าทั่วไป เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว บริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดี โดยบริดจ์แคปปิตอลจะเป็นผู้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อระยะสั้นที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในวงเงินสินเชื่อจำนวน 10-50 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระคืนภายใน 1-2 ปี และมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในทำเลที่ดีเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งรวมถึงที่ดินเปล่าอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม อาคารและห้องชุดอยู่อาศัย เป็นต้น ภายใต้เงื่อนไขอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-To-Value) ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ทั้งนี้บริดจ์ แคปปิตอล ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ให้บริการปล่อยสินเชื่อรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท และภายในสิ้นปีนี้ พอร์ตสินเชื่อจะถึง 100 ล้านบาท มีผู้ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อเติบโตอยู่ที่ 250 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2567 และตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปี ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดหนี้สินภาคเอกชนในสัดส่วนร้อยละ 3-5 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท จากมูลค่าตลาดนั้มีขนาดใหญ่ 3 แสนล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติให้กับผู้ขอกู้ที่ผ่านเกณฑ์ส่วนหนึ่งจะมาจากเงินทุนจดทะเบียนของบริดจ์ แคปปิตอล ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 25 ล้านบาทและอีกส่วนหนึ่งจะมาจากเงินร่วมลงทุนผ่านการออกสัญญาสิทธิในการลงทุนให้แก่นักลงทุนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งบริษัทคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนแบบคงที่ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5-8 ต่อปี และมีระยะเวลาการลงทุน 1-5 ปี โดยบริษัทมีเป้าหมายเจาะกลุ่มนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ในสัดส่วนร้อยละ 70 และประเภทลูกค้ามั่งคั่งผ่านสถาบันการเงินในสัดส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 ซึ่งได้เริ่มพูดคุยรูปแบบการให้บริการกลุ่มลูกค้า Private Wealth ของธนาคารพาณิชย์แล้วจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่อไป อย่างไรก็ตามรูปแบบการลงทุนในสัญญาสินเชื่อฯ จะระบุชื่อผู้ร่วมลงทุนไว้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้ร่วมลงทุนรายบุคคลที่สนใจลงทุนในสัญญาสินเชื่อฯ จะต้องติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท เพราะการลงทุนดังกล่าวมีคงามละเอียด่อน ทาฝบริษัทจะต้องมีการเจรจาโดยตรงเพื่ออธิบายลักษณะการลงทุนให้เข้าใจชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน แม้ว่าการลงทุนนี้ จะคล้ายกับการได้รับหลักค่ำประกันเงินต้นได้คืนแน่นอน จากมูลค่าหลักประกันที่ครอบคลุมเงินกู้ (จากการปล่อยกู้วงเงินไม่เกิน 50%ของมูลค่าหลักประกัน) และยังมีเครดิตความน่าเชื่อถือของบริดจ์ แคปปิตอล ซี่งหากผู้กํ่เงินเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ เมื่อครบอายุส นเชื่อ 2 ปี บริษัทยังมีเวลาบริหารจัดการอสังหาฯที่ยึดมาได้ และจ่ายดอกเบี้ยให้แกผู้ร่วมลงทุนได้ตามสัญญาตลอดเวลา 5 ปีที่ร่วมลงทุน พร้อมได้รับเงินค้นคืนเต็มจำนวน ดังนั้น จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ก็ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตร ด้วย จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกลงทุนที่จะกระจายความเสี่ยงการลงทุนในพอร์ตเหมาะแก่กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบถือพันธบัตร
“ที่มาของชื่อ บริดจ์ แคปปิตอล มาจากการที่เราเป็นตัวกลางเสมือนสะพานเชื่อมโยงนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่สูงกับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเงินกู้ให้มาเจอกันโดยเราก็เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้เองด้วย เรามีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศไทย เราจะเป็นผู้ให้สินเชื่ออีกช่องทางหนึ่งให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องการเงินทุนเพิ่มหากไม่สามารถกู้ผ่านสถาบันการเงินได้ หรืออาจเต็มวงเงินกู้แล้ว กระบวนการพิจารณาสินเชื่อของเรา ผู้ขอกู้จะต้องมีประวัติเครดิตที่ดี ธุรกิจมีกระแสเงินสดที่ดี สะท้อนผ่านการเดินบัญชีกับสถาบันการเงิน และการเติบโตของธุรกิจมีอนาคต มีความสามารถในการชำระหนี้ ที่สำคัญเราจะดูทรัพย์ที่จะเป๋นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นสำคัญ โดยจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติสินเชื่อราว 2-3 สัปดาห์ จะเร็วกกว่าธนาคารทั่วไป และอีกขาหนึ่ง เราก็จะนำสัญญาสินเชื่อนี้มาออกเสนอหาผู้ร่วมลงทุนในสัญญาสินเชื่อแต่ละฉบับ โดยได้รับผลตอบแทนสูง ได้ดอกเบี้ยทุกเดือนและลงทุนครบ 5 ปี ได้เงินต้นคืนครบด้วย"
บริดจ์ แคปปิตอลมีจุดแข็งเหนือคู่แข่งขันด้วยประสบการณ์ในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันและการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่แข็งแกร่งและมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจที่เข้มงวด นอกจากนี้ การร่วมมือกับบริษัท เครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในด้านธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาและวางโครงสร้างดีล จะช่วยให้เราสามารถขยายช่องทางการให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างเที่ยงธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เรามีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักกฎหมายที่ได้รับการรับรองในการดำเนินการด้านเอกสารสัญญาที่สำคัญ ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงแผนในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อสร้างความความปลอดภัยและความโปร่งใสในการจัดการธุรกรรมสัญญาของบริษัท และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ