CIMB Thai บรรลุเป้าหมาย "ASEAN Reach" ตั้งโต๊ะให้คำปรึกษาพาลูกค้าบุกอาเซียน ครึ่งปีแรกสินเชื่อต่างประเทศเติบโตกว่า 70% แันยอดสินเชื่อคงค้างธุรกิจต่างประเทศเพิ่มแล้ว 6.6 หมื่นล้านบาท คาดสิ้นปีนี้ปิดยอดใกล้ 1 แสนล้านบาท ครึ่งปีกลังคาดทำดีลเจรจาให้ลูกค้า 2-3 ดีล ในอาเซียน ขนาดมูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์
นายวุธว์ ธนิตติราภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บรรษัทธุรกิจและธุรกรรมการเงินธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT). กล่าวว่า หลังจากธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ปักธงชัดเจนในการเป็นแบงก์ที่พร้อมจะพาลูกค้าไปเติบโตอาเซียน ด้วยกลยุทธ์ “ASEAN Reach” ซึ่งเดินตามแผนมาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากการเป็นผู้ให้คำปรึกษาและเป็นตัวกลางทางการเงิน พบว่า บริษัทของไทยที่มีแผนชัดเจนจะไปเปิดตลาดในต่างประเทศ มีหลากหลายภาคธุรกิจ ได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีกอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม และเกษตรแปรรูป เป็นต้น โดยรูปแบบของการออกไปขยายตลาด มีครบทุกรูปแบบ ทั้งการลงทุนขยายกิจการ จับมือกับพันธมิตรการซื้อกิจการ และการควบรวมกิจการ ประเทศปลายทางในภูมิภาคอาเซียนที่บริษัทไทยนิยมไปเปิดตลาด ได้แก่ ประเทศ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและสิงคโปร์ ปัจจุบัน ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างกลุ่มธุรกิจต่างประเทศแล้ว 6.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้ จะปิดยอดสินเชื่อคงค้างใกล้ 1 แสนล้านบาท จากสิ้นปีที่แล้ว มียอดราว 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งครึ่งปีหลังนี้มีดีลลูกคิา M&A เจรจา 2-3 ดีล มูลค่ารวม 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่ผ่านมา เราทำดีล M&A ให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจไปลงทุนต่างประเทศ หลายดีล ขนาดขอฃดีลมีมูลค่าตั้งแต่ 100-1,000 ล้านดอลลาร์
“บริษัทหรือผู้ประกอบการที่สนใจขยายธุรกิจในต่างประเทศ เริ่มจากการหาจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ คู่กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย หลังจากนั้น เข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ที่มี Know-how และ Network ทำงานประสานใกล้ชิดกับคนท้องถิ่นที่รู้จักตลาดเป็นอย่างดีธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ตั้งโต๊ะ ASEAN Desk ให้คำแนะนำและทำงานร่วมกับเครือข่ายแข็งแกร่งของกลุ่มซีไอเอ็มบี พร้อมส่งต่อลูกค้าขยายธุรกิจข้ามประเทศ ด้วยASEAN Total Solutions โดยครึ่งแรกปี 2566 ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า เป็นตัวกลางพาลูกค้าขยายตลาดทุกรูปแบบ เฉพาะธุรกรรมสินเชื่อการลงทุนในต่างประเทศเติบโตไปแล้วกว่า 70% เทียบกับปลายปีที่แล้ว”
จากการทำงานเป็นสะพานเชื่อมพาลูกค้าไปขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่องหลายปีพบว่า อุปสรรคที่ทำให้บริษัทไม่ออกไปเปิดตลาดเพราะ 1. ด้านกฎระเบียบกฏเกณฑ์ 2. ความเสี่ยงทางการเมืองและนโยบายของประเทศที่ไปลงทุน 3. การแข่งขันในตลาดของแต่ละประเทศ 4. ด้านวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น 5. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและธุรกรรมการเงิน
สำหรับบริษัทที่ก้าวข้ามขีดจำกัดตรงนี้ได้ การออกไปเปิดตลาดต่างประเทศ ในระยะเวลาที่เข้าที่แล้ว พบว่าช่วยให้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด เปิดตลาดใหม่ ขยายฐานลูกค้าใหม่ ได้พันธมิตรรายใหม่ สามารถเพิ่มรายได้จากการขยายฐานธุรกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่ 20% ถึงกว่า 100% ในระยะยาว ที่สำคัญคือเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านการมีตลาดหลากหลายประเทศ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กลุ่มซีไอเอ็มบีมีสาขา สำนักงานตัวแทน และเครือข่ายธุรกิจที่หลากหลายประเทศได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา บรูไน ฟิลิปปินส์จีน ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร
โดยแต่ละประเทศมีการเติบโตที่น่าสนใจ อินโดนีเซีย มีประชากรมากที่สุดในอาเซียนจำนวน 275 ล้านคน เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงมาก ภาคธุรกิจดาวรุ่งคือ ปิโตรเคมีอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม และเกษตรแปรรูป เช่นเดียวกับเวียดนามมีจำนวนประชากรสูงเกือบ 100 ล้านคน และมีการเติบโตของ GDP ในปี 2565 สูงถึง8% จึงเป็นที่นิยมในการเป็นฐานการผลิต ที่ตั้งโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมด้านกัมพูชา มีโอกาสขยายตลาดด้านอาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้งคนกัมพูชานิยมบริโภคสินค้าไทย ขณะที่ มาเลเซีย เป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีโอกาสเข้าถึงง่าย และมีตลาดของอาหารฮาลาล ส่วน สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางด้านการค้าขาย หรือ Trading Hub
นอกเหนือจากกลุ่มประเทศอาเซียน ยังมีประเทศจีนเป็นอีกประเทศที่เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงอย่างที่ทุกคนทราบกัน กลุ่มซีไอเอ็มบีมีเครือข่ายสาขาทั้งใน เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ทางธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย นอกจากโฟกัสตลาดหลักในอาเซียน ยังพร้อมพาลูกค้าไปเปิดตลาด beyond ASEAN อีกด้วย