Economies

ธอส. จับมือ SAM ปล่อยกู้ลูกค้า บสส. ซื้อบ้านมือสอง ดอกเบี้ยต่ำ ลดภาระผ่อนเงินงวดเหลือ 4 พันบาท/เดือน
16 มี.ค. 2566

ธอส. จับมือ SAM จัดทำ “โครงการสินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” วงเงินปล่อยกู้800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก ต่ำสุดเพียง 3.80% ต่อปี ช่วยลดภาระผ่อนต่องวดเดือนละ 2-3 พันบ. คาดรองรับลูกค้า SAM ได้ถึง 400 ราย หรือเฉลี่ยรายละ 2 ล้านบ. “ฉัตรชัย” บิ๊กธอส. ลั่นตรึงดอกเบี้ยต่ำถึงกลางปี พร้อมเปิดแผนขายหนี้เสีย 1 หมื่นลบ. 

 

วันนี้ (16 มีนาคม 2566) นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และนายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจผ่าน “โครงการสินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” ระหว่าง บสส.  กับ ธอส. โดย ธอส. เตรียมกรอบวงเงินรวม 800 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกต่ำสุดเพียง 3.80% ต่อปี เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสองจาก SAM เข้าถึงสินเชื่อบ้าน ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยมีภาระการผ่อนชำระเงินงวดลดลงเมื่อเทียบกับการผ่อนเงินดาวน์เฉลี่ยเดือนละ2,000-3,000 บาท เพิ่มโอกาสให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 

 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่าความร่วมมือในครั้งนี้  ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง(ทรัพย์ NPA) จากบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ได้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่าน “โครงการสินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” กรอบวงเงินรวม 800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 3  เท่ากับ MRR-2.60% ต่อปี (3.80%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% (5.40%) และกรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% (5.90%) กรณีกู้ซื้ออุปกรณ์ฯ = MRR วัตถุประสงค์การให้กู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย โดยผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นปีแรกเพียงเดือนละ 4,700 บาทเท่านั้นสามารถลดภาระการผ่อนชำระเงินงวดลงเมื่อเทียบกับการผ่อนเงินดาวน์เฉลี่ยเดือนละ2,000-3,000 บาท ยื่นคำขอกู้อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567

 

“สำหรับอัตราดอกเบี้ยของธอส.ระดับต่ำในปัจจุบัน สามารถตรึงไว้ได้ถึงกลางปีนี้ หลังจากนั้น แนวโน้มดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของเฟดด้วยซึางจากเวลานี้ สิ่งที่เกิดขึ้น (แบงก์สหรัฐล้ม) น่าจะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยยาก และในสถานการณ์ในไทยเองก็ไม่มีเหตุให้ กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย) ขึ้นดแกเบี้ยได้ ซึ่งนโยบายดอกเบี้ยของเราไม่ได้อิงกับเมืองนอกมากดอกเบี้ยไทยไม่ได้ขึ้นชันมาก อีกทั้งดอกเบี้ยแบงก์ในตลาดเงินบ้านเราก็ไม่ได้ต่างกันสูงมากด้วย ส่วนปัญหาเอ็นพีแอล(หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้)ของ ธอส. ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้น โดยเดือนมกราคมเพิ่ม 4 พันล้านบาทและกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้ออีก 5 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเอ็นพีแอลของเรามีหลักประกัน และปีที่แล้วตั้งสำรองไว้เพียงพอไม่ให้กระทบกำไรอยู่แล้ว และแผนปีนี้เราเตรียมจะขายหนี้เสียออกมา 1 หมื่นล้านบาทด้วย” นายฉัตรชัยกล่าว

 

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า ในการลงนาม MOU ครั้งนี้ นำมาสู่การเปิดตัวแคมเปญ “สินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” และโปรโมชั่น “กู้ได้ให้เลย” ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าของ SAM ควบคู่กัน โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้น มีส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้สนใจที่กำลังมองหาหรือต้องการซื้อทรัพย์สินเพื่อการอยู่อาศัย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ฯลฯ ในทำเลดีและราคาเหมาะสมทั่วประเทศจาก SAM ด้วยวิธีเสนอซื้อตรงหรือประมูล จะได้รับสิทธิ์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษในการขอ สินเชื่อผ่าน ธอส. พร้อมบัตรสมนาคุณเพิ่มเติมจาก SAM ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ส่วนลูกค้าเก่าของ SAM ที่อยู่ในโครงการ SAM Super Light ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าอยู่ระหว่างผ่อนชำระจำนวน 364 รายนั้น สามารถยื่นขอสินเชื่อตามเงื่อนไขของโครงการได้เช่นกัน และคาดว่าจะได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี 

 

ทั้งนี้ ในฐานะที่ SAM เป็นหนึ่งในเครื่องมือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของภาครัฐความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นับว่าเป็นการช่วยนำส่งคืนสินทรัพย์ที่ทิ้งร้างกลับมาใช้ประโยชน์ ต่อยอด หรือสร้างมูลค่าเพิ่ม อันเป็นการส่งเสริมความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม  

 

สำหรับโปรโมชั่น “SAM Super Light”  ที่ SAM จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะลูกค้าประชาชนรายย่อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้แนวคิด “ซื้อคุ้มกว่าเช่า” โดยคิดเป็นค่าผ่อนง่าย ๆ เพียงล้านละ 7,500 บาท/เดือน ซึ่งการผ่อนชำระค่าซื้อทรัพย์ในช่วง 4 ปี แบบไม่มีดอกเบี้ยนี้จะช่วยลดยอดเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ต้องจ่ายในงวดสุดท้ายลงได้ถึง 40% คงเหลือเงินที่ต้องไปขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อนำมาชำระงวดสุดท้ายเพียง 60% เท่านั้น ส่งผลให้เงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลืออยู่จะอยู่ในเกณฑ์ LTV (เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) ประกอบกับประวัติการผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องถึง 4 ปี ก็จะช่วยสร้างเครดิตให้กับลูกค้า ที่จะมีส่วนช่วยทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com