เมื่อวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นำคณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง และคณะสื่อมวลชน เข้าร่วมโครงการศึกษาและดูงานตามมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวและการค้าเมืองรอง จังหวัดอุดรธานี หนองคายและนครพนม โดยมีผู้บริหารประจำจังหวัดของหน่วยงานต่างๆ นำโดย กรมสรรพสามิต กรมศุลกากรและกรมสรรพากร ฯลฯ เข้าร่วมด้วยพร้อมรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การท่องเที่ยวการค้าและการจัดเก็บรายได้ในพื้นที่ดังกล่าว

นายลวรณ ได้กล่าวมอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมต่างๆในระดับจังหวัด ภายหลังจากที่กรมต่างๆเข้าร่วมการประชุมรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว การค้าและความคืบหน้าการจัดเก็บภาษี ว่า ปีนี้เป็นปีที่มีความท้าทาย เนื่องจากปีงบประมาณ 2567 ปีนี้ กระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณมีความล่าช้ากว่าปกติ  โดยเฉพาะในช่วง 2 ไตรมาแรกปีงบฯ ( ต.ค. 2566 -มี.ค. 2567) ที่ผ่านมา ไม่มีเม็ดเงินจากภาครัฐเข้าระบบเศรษฐกิจ ทำให้เครื่องยนต์ฝั่งภาครัฐทั้งการใช้จ่ายและการลงทุน แผ่วเบามาก  เพราะฉะนั้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีงบฯ นี้ (ก.ค.-ก.ย. 2567 ) จึงมี 1-2 เรื่องนโยบายที่ให้ระดับจังหวัดช่วยกันทำ คือ การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน พยายามผลักดันให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี หลังจากในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบฯ 2567 ล่าสุด กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้รวมต่ำกว่าเป้าหมาย 2.6 หมื่นล้านบาท จึงอยากให้ช่วยกันทุกจังหวัด  อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ช่วงที่เหลือของปีงบฯ นี้ยังมีโอกาสที่จะจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายปีงบฯ 2567 ที่อยู่ระดับ  2.78 ล้านล้านบาท   

“  3 เดือนนี้สุดท้ายนี้ยังตื่นเต้นท้าทายอยู่ ก็อยากให้ช่วยๆกันทำ ตอนนี้ก็ให้พยายามช่วยกันผลักเม็ดเงินให้ลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด  และขอให้หน่วยงานไปติดตามเร่งรัดการเบิกจ่าย และการลงทุน ซึ่งกรมบัญขีกลางก็ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ให้แล้ว โครงการจัดซื้อจัดจ้างถ้ามีผู้เสนอราคามารายเดียว ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ทุกอย่าง เอกสารครบถ้วนก็ให้เดินหน้าต่อ ไม่ต้องยกเลิก   ตอนนี้ทางฝั่งเบิกจ่ายก็ท้าทายไม่แพ้กัน  ด้านการจัดเก็บรายได้ เชื่อว่ามีโอกาสที่จะปิด gap การเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าได้  ด้วยกลไกหนึ่งที่ช่วย คือ พื้นที่(จังหวัด) อาจจะไม่ใหญ่  ก็ต้องช่วยกันทุกพื้นที่  ต้องเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ เพราะคงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้ เพราะเราออกตัวช้า ก็ต้องเร่งทั้งการเบิกจ่าย และการจัดเก็บ แต่คิดว่าทำได้ ขอให้รอดูเดือน 9 เดือน 10 อีกที”

ปลัดกระทรวงการคลัง มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 2.4% ตามสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์  และหากในช่วงที่เหลือปีนี้มีนโยบายใด ๆ ที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจอีก